รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 2) : ที่พักใน Italy
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 8) : Day 6 ช็อปปิ้งที่ The Mall Outlet และเมื่อโลกมันเอียงที่ปิซ่า (Pisa)
วันนี้เราจะไป one day trip กันที่ Lake como หรือภาษาอิตาลีเค้าเรียกที่นี่ว่า Lago di Como ก่อนมาที่นี่เราเคยเห็นรูปของใครซักคนที่มาเที่ยวที่ Lake como ดูแล้วมันโรแมนติกสวยมาก ตั้งใจใส่เป็น To do list เลยสำหรับที่นี่ ยังไงก็ไม่พลาดจะต้องมาให้ได้ มาแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
การเดินทางไปเที่ยว Lake como นี้คนรีวิวไว้น้อยมาก กลัวหลงสุดๆเลยแหละเรา แถมการเดินทางที่โน่นต้องเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก ถ้าพลาดรอบเรือจะต้องรออีกนานเลย แถมกะเวลายาก ฉะนั้นวันนี้เราและเพื่อนๆเลยจะต้องเน้น strict ตามแผนที่วางไว้พอควร เที่ยวไปลุ้นไป แต่ผ่านไปได้ด้วยดีมากๆคะ มาดูกันว่าไปไหนอะไรยังไงกันบ้างหนึ่งวันเต็มๆใน lake como
ก่อนอื่นเราออกเดินทางจากสถานี Milano Centrale เพื่อไปยัง Varenna-Esino อันนี้จองตั๋วไปล่วงหน้าก่อนไม่ได้นะคะ ก็อาศัยไปกดตู้ที่สถานีเอา เราไปรอบ 8.20-9.23 กัน
ระยะเวลาที่ใช้ก็แค่ 1.03 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย สถานีดูต่างจังหวัดมาก
จากนั้นเราก็เดินเลาะๆไปเพื่อจะไปยังท่าเรือ Varenna วิวข้างทางก็สวยแล้ว ถึงตรงบริเวณท่าเรือคะ วิวทะเล ภูเขาที่ยอดมันยังมีหิมะอยู่ มันช่างงดงาม จริงๆตรงนี้ใกล้สวิสเซอร์แลนด์มากนะ ข้ามไปถึงก็ถึงแล้ว
ก่อนอื่นขออธิบายเส้นทางของวันนี้ก่อน เผื่อใครจะไปตามรอย เริ่มจาก Varenna ซึ่งก็คือที่่ที่เราลงจากรถไฟ - Bellagio เมืองนี้เดินเล่น ช็อปปิ้งได้ - Lenno เมืองที่เราจะไปวิลล่า Villa del Balbianello กัน - Como กลับไปเส้นทางนี้เร็วและสะดวกสุดสำหรับการเดินทางกลับมิลาน เว็บไซด์ที่ใช้ประกอบสำหรับตารางเรือก็นี่เลยคะ http://www.navigazionelaghi.it/
พอไปถึงท่าเรือ เราก็ถามคนขายตั๋วก่อนเลยว่ารอบเรือรอบถัดไปที่จะไป Bellagio กี่โมง ปรากฏว่าอีกคครึ่งชม. เรือจะมา เราก็เดินเล่นใกล้ๆแถวท่าเรือ ไม่กล้าไปไหนไกลมาก กลัวตกเรือ ค่าเรือก็เที่ยวละ 4.3 ยูโร
หน้าตาเรือที่เราจะนั่งไปก็ประมาณนี้
นั่งโต้ลมกันไปซักพัก ตื่นตาตื่นใจกะวิวรอบข้าง
ไม่นานมากนักเราก็ถึง Bellagio ขอโทษด้วยจำไม่ได้จริงๆคะ ว่าจากแต่ละที่ไปแต่ละที่ใช้เวลานานเท่าใด
พอถึงท่าเรือก็เหมือนเดิม ถามคนขายตั๋วว่ารอบถัดไปกี่โมง เราก็กะกะเวลาเอาให้ได้เดินเล่นที่นี่ก่อนซักพักแล้วค่อยขึ้นเรือต่อเพื่อไปยัง Lenno ตรงสถานีก็มีสัญลักษณ์ของเมืองนี้อยู่
ก่อนจะไปเดินเล่นชมเมืองกัน เราก็แวะทานกาแฟกันตรงคาเฟ่ตรงใกล้ๆสถานีนั่นแหละคะ อากาศหนาวๆลมเย็นๆเวลาได้ของร้อนเข้าไปนี่ดีขึ้นโดยเฉียบพลัน
จากนั้นเราก็จะไปเดินเล่นในเมืองคะ ที่ Bellagio เค้าโดดเด่นที่เป็นถนนบันไดปูหินสุดโรแมนติก ทางจะเป็นทางลาดขึ้นไป
ข้างๆทางก็จะเป็นร้านขายของ ร้านอาหาร chic chic เดินกันเพลิน
เดินเล่นกันซักพัก ด้วยความที่กลัวจะตกเรือ เลยมาเดินๆรอแถวท่าเรือกันไว้ก่อนคะ
ค่าตั๋วจาก Bellagio ไป Lenno ก็อีก 4.3 ยูโร
วิวโดยรอบ ตอนนี้เริ่มชินหละ เพราะไปที่ไหนก็เป็นแนวนี้หมด ฮ่าๆ
เลคโคโม่นี่เป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของบรรดาคนมีฐานะทั้งหลาย ดูโรงแรมนี้ซิเห็นแล้วแบบว่าว้าวมาก ตั้งใจไว้ว่าถ้าคราวหน้ามาเยือนเลคโคโม่ จะต้องกลับมาค้างซักคืน ที่นี่มันเหมาะกะการพักผ่อนจริงๆ
จาก Bellagio มา Lenno นี่นั่งเรือนานหน่อยคะ
พอลงท่าเรือ เราก็เดินลัดเลาะมาตามทางเลียบหาด
จุดมุ่งหมายของการมาเยือนเลคโคโม่นี้เลย ก็คือ จะไป Villa del Balbianello ก่อนไปขึ้นเรือต่อ เราแวะทานข้าวกันที่ Bar Sport Lenno กันก่อนคะ ร้านนี้คนเยอะแน่นร้าน เป็นทางผ่านในทางที่เราจะไปอยู่แล้ว (อีกอย่างตรงนั้นไม่ได้มีร้านอาหารให้เลือกมากนัก) โดยรวมอาหารไม่แย่คะ ไม่แพงด้วย
ค่าเสียหายมื้อนี้ 37 ยูโร
จากร้านอาหารเดินเลียบหาดต่อไปอีกนิดก็จะถึงจุดขึ้นเรือคะ
เค้ามีโปรโมชั่นของ Taxi boat กะ Villa del Balbianello ค่าเรือ Round Trip 7 ยูโร + ค่าเข้า villaอีก 6 ยูโร รวมเป็น 13 ยูโร
หน้าตาเจ้าเรือ Taxi boat ที่เราจะนั่งไปกันคะ
นั่งไม่นานก็ถึงตัว Villa วิวดีสุดๆ จาก villa นี้จะมองเห็น lake como ใน spot ที่ดีมาก
ลงเรือปุ๊บ แค่ทางเข้าก็ประทับใจแล้ว
อันนี้เป็นอัตราค่าเข้าชมคะ เราตกลงที่จะซื้อทัวร์ของที่นี่ด้วยเพื่อเข้าชมด้านในของ villa ทั้งหมดก็ 12 ยูโร ถ้าไม่ได้จ่ายค่าทัวร์ด้านในเพิ่มก็จะชมได้แต่เพียงด้านนอก แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วมาถึงที่ ชมด้านในด้วยดีกว่าคะ อีกอย่างที่ดี คือ เค้ามีไกด์พาชม แล้วก็คอยเล่าประวัติเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เราทราบ ทำให้อินไปกะเรื่องราวของเจ้าของ Villa del Balbianello นี้และทราบที่มาที่ไปดีคะ
พอซื้อทัวร์ชมด้านใน เค้าก็จะนัดหมายเวลาให้ไปเจอกันตอนกี่โมง ระหว่างนั้นเราก็เดินชมด้านนอกรอบๆกันก่อนคะ
ความรู้สึกของการมาเยือนที่นี่ รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง หรือ คนรวยๆหนึ่งวัน ฮ่าๆ ถ้ามีบ้านอย่างนี้ คงเหมือนอยู่ในสวรรค์เลยเนอะ วิวเลคโคโม่นี่มันสวยจริงๆ
ตรงบริเวณนี้จะเป็นระเบียงรอบๆวิลล่าส่วนที่ยื่นไปในเลค
นี่ขนาดทางเข้าห้องน้ำนะ
เดินไล่มาเราก็จะเจอเจ้าต้นไม้ใหญ่ รูปเห็ดนี้ ไกด์เล่าให้ฟังว่าจะเล็มตบแต่งกิ่งปีละ 2 ครั้ง แล้วช่างคนที่ทำเป็นชาวฝรั่งเศสซึ่งตบแต่งกิ่งมาตั้งแต่สมัยที่เจ้าของเดิมของVilla del Balbianello ยังอยู่ เค้าพยายามรักษาสภาพของวิลล่าให้ยังเหมือนที่เจ้าของยังอยู่เป็นส่วนใหญ่
ทางลาดลัดขึ้นมาตรงนี้ก็จะเห็นวิวเลคตลอด
เจ้าของ Villa del Balbianello นี้แต่เดิมเคยทำห้างมาก่อน พอประสบความสำเร็จก็ขายห้างก็ร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วิลล่านี้ก็เป็นหนึ่งในแค่บ้านพักตักอากาศของเค้าเท่านั้น โดยพื้นฐานเป็นคนลุยๆ ชอบทำกิจกรรมผาดโผน ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ แต่ด้วยความที่สูบบุหรี่จัดและดื่มจัดมาก ตอนที่ไปปีนเขาเกิดเสียชีวิตกะทันหัน สุดท้าย villa เลยตกมาอยู่ภายใต้การบริหารของ Trust
มาดูตัว villa กันบ้าง จุดเด่นก็ตรงไม้เลื้อยนี่แหละ ที่นี่เค้าเปิดให้มาเช่าจัดงานได้ ไกด์บอกว่าคนมาจัดงานแต่งงานที่นี่ก็เยอะ (อิจฉา อยากมีงานแต่งในที่เลิศๆแบบนี้บ้างงง)
ตรงระเบียงนี้เป็นฉากหนึ่งในเรื่อง Star War Episode 2
จากนั้นก็ถึงเวลานัดหมาย ไกด์ชื่อ Andrea คนนี้จะพาเราเข้าชมวิลล่าด้านในกันคะ
ถ้าจำไม่ผิดเริ่มต้นด้วยห้องสมุด ด้านบนจะเป็นชั้น 2 ที่เก็บหนังสือมากมาย
อันนี้เป็นห้อง map จะเห็นว่ามีรูปแผนที่มากมาย
ห้องทำงาน
เจ้าของเป็นคนชอบเก็บของสะสมเก่าๆต่างๆ จึงมีรูปปั้นอย่างราชวงศ์ถัง ฮั่นสะสมอยู่ใน collection ไกด์เล่าให้ฟังว่าบางชิ้นเก่าแบบที่คนทั่วไปไม่น่าจะมีได้ ต้องระดับอยู่ใน Museum
จากตรงนี้เราจะขึ้นบันไดไปชมด้านบนกันด้านบนจะเป็น collection ที่เจ้าของไปปีนเขาที่ต่างๆ ่เช่น พิชิต north pole เป็นต้น
ห้องนอน
ระหว่างนั้นเค้าก็มีเล่าถึง secret path ต่างๆใน villa ให้ฟังด้วย ดูน่าตื่นเต้นดี ^^
ห้องนี้จำไม่ได้แล้วว่าห้องใคร แต่เน้นที่ภาพเขียนที่ลงสีสันแบบสดใส
ห้องคุณแม่ของเจ้าของ วิวดีสุดๆ
ห้องสูบซิการ์
ห้องอาหาร
ตรงโซนนี้ ชั้นมันจะเตี้ยไปกว่าระดับพื้นปกตินิดนึง
เสร็จสิ้นการทัวร์คะ สำหรับ Villa del Balbianello ประทับใจมาก คือ ไม่ได้รู้จักเจ้าของอะนะ แต่พอฟังแล้วก็เหมือนได้รู้จักประวัติบุคคลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน แกใช้ชีวิตได้ extreme สุดด้านดีจริงๆ เสียดายมีเวลาอยู่ villa สวยๆอย่างนี้ในชีิวตได้ไม่นานนัก
จากนั้นเราก็เรียก taxi boat เพื่อกลับไปยัง Lenno คะ
ตอนแรกเราคิดว่าจะต้องนั่งเรือหลายต่อย้อนกลับไปทางเดิมที่มา แต่คนขายตั๋วแนะนำว่าให้นั่งเรือต่อเดียว เป็นเรือเร็วกลับไปยัง Como เพื่อนั่งรถไฟกลับไปมิลานเลย ก็เลยตามนั้น ค่าเรือแพงหน่อย 12 ยูโร
หน้าตาเรือที่นั่งกลับไปคะ ลำใหญ่ทีเดียว
จากนั้นพอไปถึงท่าเรือที่ como เราก็ถามทางคนที่ท่าเรืออีก เพื่อไม่ให้หลงว่าทางไปสถานีรถไฟไปทานไหน จำได้ว่าฉิวเฉียดมากระหว่างรอบที่เรือมาถึง และรอบรถไฟรอบถัดไปที่จะออกจาก como ไปยังมิลาน มีเวลาไม่นานนัก ถ้าพลาดรอบนี้อาจจะต้องรอรอบถัดไปอีกนานหน่อย....จริงๆก็เดินมาซักระยะนึงเลยจากท่าเรือไปยังสถานีรถไฟ ซัก 5-10 นาทีได้
สุดท้ายทุกอย่างก็เรียบร้อยสำหรับ one day trip ใน lake como ตีตั๋วกลับราคา 4.5 ยูโร นั่งจนสุดสายอะคะ
สำหรับ Lake como ประทับใจสถานที่นี้มาก สวย ทุกอย่างมันดูฟรุ้งฟริ้งเหมือนอยู่ในฝัน บ้านเมืองสะอาด วิวดี อากาศดีเยี่ยม มีโอกาสกลับมาอีกแน่นอน ใครอยากมาฮันนีมูนแนะนำเลย
ตอนหน้าเราจะไปเที่ยวเมืองแห่งความรักกันคะ Verona ตอนสุดท้ายก่อนจะจบทริปรีวิว เที่ยวอิตาลีแล้ว :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น