30/7/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 30 ก.ค. Fragile market

SET อ่อนแอสุดๆ วันนี้ปิดไปต่ำ sma200D อีกแล้ว กลายเป็นว่าเส้นนี้ตัดขึ้นๆลงๆ ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เอาซะเลย อีกนิดเดียว MACD ตอนนี้เข้ามาแดน < 0 แล้วอีกนิดเดียวก็จะตัดลงหละ RSI ก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ดีหน่อยที่ ATR ยังไม่ค่อยพุ่งมาก (แต่ก็ยังสูงอยู่) ในวันนี่่ก็เหวี่ยงใช้ได้เลย
แถมโหดมาก ที่เหตุเกิดตอน 4 โมง ตอนที่เทนี่มันไวมาก รู้สึกเหมือนเป็น basket order สังเกตจาก ticker ที่กระพริบ เหตุที่ว่าโหด ก็เพราะมันเล่นในกรอบทั้งวัน แต่บทจะเทก็จัดซะหนักเลย
ขนาดฝรั่งไม่ได้ขายมาก แต่เงินก่อนอ่อนจัง (นี่ขนาดดอลลาร์ยังไม่กลับมาแข็งมาก แต่บาทอ่อนมากเมื่อ against $ ไม่รู้เกี่ยวกะ deal makro ที่ tender ช่วงนี้ด้วยรึป่าว)
ที่น่าสังเกต คือ market volume ที่น้อยมากๆในช่วงนี้ เดี๋ยวนี้เหลือไม่ถึง 30,000 ล้านต่อวัน ticker วิ่งช้ามากกก นี่ถ้าเทียบกะปีที่แล้วก็ 30,000 ล้านนี่จัดว่าเป็นปกติ แต่เดี๋ยวนี้วันไหนต่ำกว่า 50,000 นี่ก็จัดว่าเงียบแล้ว ยังจำได้ตอน set peakๆ นี่มีวันนึง volume แตะระดับ 100,000 ล้าน

ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ volume หายเพราะ
  • ไม่แน่ใจในทิศทาง?
  • ทำอะไรไม่ถูกอยู่เฉยๆ?
  • ติดดอยอยู่?
  • ไม่มีเงินใหม่เข้ามา?
  • คนเลิกเล่นกันไปหมดแล้ว?
จะ volume หายด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ บ้างว่าลงไม่มี volume นี่เป็นสัญญาณที่ไม่แย่ แต่ถ้าลงยังไงมันก็ลงอ่ะนะ กราฟเสียทรงหมด ยิ่งตอนนี้ volume น้อยไม่มี bid รับ คนอยากขายนี่ต้องทำลายราคามาก

ยิ่ง volume น้อยๆ คนที่เป็นนายตลาด ควบคุมการเคลื่อนไหวของดัชนีได้ ช่วงนี้ทำงานสบายมากๆเลย จะซื้อลากให้ขึ้นก็ง่าย จะขายทุบให้ลงก็สบาย อย่างที่เขียนไว้ตอนที่แล้ว ตอนนี้คงเหลือแค่ local players นี่แหละที่เป็นตัวกำหนด SET

กลับมาดูที่ SET บ้าง ช่วงนี้ Headwinds เยอะจัง ส่วนใหญ่ปัจจัยที่พาให้ตลาดเราอ่อนกว่าเพื่อนก็เพราะเรื่องภายในประเทศนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น
  • GDP downgrade
  • Export ยังไม่ฟื้น 
  • Slow domestic consumption
  • Current account deficit
  • Household debt
  • ค่าเงินบาทอ่อน
  • Bond yield ขึ้น
  • ความวุ่นวายทางการเมือง 
  • 2 ล้านๆ delay 
หลักๆนี่เรื่องของการเมืองเลยแหละช่วงนี้ เฮ้อ peace please.....นี่ยังไม่นับงบการเงินไตรมาส 2 ที่จะมาเป็น catalysts อีก ไม่รู้จะมาช่วยดันหรือช่วยทับถม

 แนวรับถัดไป
แต่ถ้ากลับไปดูราย sector นี่เหนื่อยมาก พวกกลุ่มผู้นำค่อยๆอ่อนแอลง แถมไม่มีกลุ่มใหม่มาเสริมทัพ สรุป ตลาดช่วงนี้อ่อนแอ จะขึ้นก็ยาก ลงนี่ง่ายซ้ายผ่านตลอด แต่ลงลึกถึงเท่าไรนี่ก็ต้องพิจารณากันเอา ถึงจุดนึงรอสถานการณ์นิ่งๆ market คงอ่อนไหวต่อ news flows น้อยลง แล้วกลับมามองหาความ attractiveness ของหุ้นอีกครั้ง การเมืองวุ่นวายมากี่ครั้ง หนักหนาแค่ไหนเราก็ผ่านมาได้ มันเป็น noise แต่ตอนนี้ก็ต้องภาวนาให้อย่าลงจนบอบช้ำมากก่อน ......Oops, Hope is not a strategy!

26/7/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 25 ก.ค. Local Players

ความเดิมต่อจากตอนที่แล้ว เพิ่งจะ Break out ไปได้ไม่กี่วัน ตอนแรกผ่าน 1500 ไปได้อย่างง่ายดาย ไอ้เราก็ลุ้นให้ไปให้ถึง 1530 แต่ปรากฏว่าไปไม่ถึงฝั่งฝัน  ทำ high รอบนี้ได้แค่ 1521.35 ก็โดนหมีตะปบกลับลงมาอีกแล้ว
ใช้เวลาในการพยายามขึ้นอยู่ 3-4 วัน วันนี้เจอ bearish engulfing ดอกเดียวเข้าไปทำพยายามมาก่อนหน้าดูไร้ค่าไปเลย SET กลับมาอยู่ใต้ MA อีกครั้งนึง แนวรับสำคัญถัดไปก็คงเป็น SMA200D ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 1449.22 วันนี้ RSI อ่อนแรงลงมาอย่างไว พร้อมกัน ATR ที่กระดึ้บๆขึ้นมาอีกครั้ง.....น่าสังเกตอยู่อย่างนึงว่าตลาดไทยเดี๋ยวนี้ขึ้นลงเบาๆไม่เป็นแล้ว move แกว่งแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทำไมตลาดลง?
เบื่อคำถามนี้เนอะ ก็จริงๆแล้วมันก็แค่คนอยากขายมากกว่าคนอยากซื้อก็เท่านั้น

แน่นอน คนต้องหาเหตุมารองรับการลงสำหรับรอบนี้
ข่าวที่สนับสนุนก็คงจะเป็นเรื่อง การที่สภาจะเปิดสมัยประชุมในเดือนสิงหาคม และมีการนำเรื่องพรบ.นิรโทษกรมเข้ามาเป็นวาระแรกก่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ....เรื่อง political uncertainty ก็กลับมาเป็นปัจจัยกังวลให้ตลาดอีกครั้ง นี่คงเป็นเหตุให้ตลาดไทยดราม่ากว่าตลาดอื่น

ส่วนตัวแล้ว เป็นคนไม่ชอบเรื่องการเมืองเลย ไม่ค่อยติดตามด้วยความรู้ความเข้าใจด้านนี้อ่อนด้อยมาก เพราะไม่อยากจะสนใจ ใครจะกลับประเทศได้ไหม ใครจะสีไหน ขออย่าแค่ทำให้ประเทศวุ่นวายเดือดร้อน แค่นี้ก็พอแล้ว....จริงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ไป focus ที่พ.ร.บ. 2 ล้านๆ แทน focus ไปที่จุดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย วันก่อนได้มีโอกาสไปฟังดร.ชัชชาติพูดในงานสัมมนา ชอบมากที่ท่านบอกว่าคนไทยไม่ค่อยให้ความใส่ใจกับค่าของเวลา โปรเจคโน่นนั่นนี่เราคิดมาเป็น 10ๆ ปี จนประเทศอื่นเค้าทำไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ยังคิดอยู่นั่นแหละ....เรื่องโปรเจคพวกนี้ เราไม่ควรจะไปจ้องจับผิดกับที่ว่าใครจะโกงกินบ้านเมือง เราควรดูก่อนว่าโปรเจคนั้นสมควรทำหรือไม่ ให้ประโยชน์อย่างไรต่อประเทศชาติ สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างหลัง ส่วนเรื่องคอร์รัปชั่นนั้นต้องแยกเป็นอีกประเด็น ให้เฝ้าระวัง ให้ตรวจสอบมากกว่าที่จะเอาประเด็นพวกนี้นำ ทำให้โปรเจคไม่เกิด

กลับมาเข้าเรื่องตลาด

ดูจากยอดซื้อขายทุกวันนี้แล้ว เดาว่าฝรั่งคง neutral กับบ้านเราไปแล้ว ซื้อเล็กๆขายเล็กๆ ไม่จัดหนักเหมือนแต่ก่อน คนที่ขายไปแล้วก็คงยังไม่รีบกลับมาซื้อใหม่(มั้ง) คนที่ยังถืออยู่จนป่านนี้ถ้าไม่มีเหตุอะไรผิดจากเค้าคาดมากเค้าก็คงถือ เทรดบ้างเล็กน้อย(มั้ง) ค่าเงินบาทก็ยังไม่ค่อยเป็นใจ....อย่างที่เคยเขียนๆไป Asset allocation/rotation มันน่าจะ move จาก EM to DM แล้วตลาดบ้างเราก็ขึ้นมาต่อเนื่องหลายๆปีที่ผ่านมา ปัจจัยภายในประเทศเราเองก็ไม่ได้เหมือนก่อนที่พื้นฐานดีและยังถูก ก็เป็นโอกาสอันดีที่เค้าจะ take profits กลับไป หวังพึ่ง fundflows ได้ยากหน่อย (แค่เค้าไม่ขายเพิ่มก็ดีมากแล้ว)

จริงๆ ทั้ง TIPs flows ค่อนข้างไปในทางเดียวกัน คือ ออกแล้วยังไม่กลับเข้ามา แต่กราฟนี่ SET นี่อ่อนสุดใน TIPs เลย
คงจะต้องดู player ในไทยเป็นหลัก นั่นก็คือ กองทุน Prop trade รายย่อย ที่น่าจะเป็นคน move market direction ในช่วงต่อไปจากนี้
  • กองทุน - ผู้ซึ่งเป็น net buyer สำคัญของปีนี้ ไม่รู้ว่าด้วยตลาดกองทุนรวมที่ใหญ่ขึ้น ผู้คนหันมาสนใจลงทุนในหุ้นมากขึ้น มีการ shift ออกจากสินทรัพย์อื่นมาเข้าหุ้น (โดยเฉพาะภาวะดอกเบี้ยต่ำ) ด้วยหรือไม่ที่ทำให้ AUM ใหญ่ขึ้นและเมื่อมี unit creator แน่นอน กองทุนก็ต้องเป็น net buy...อีกหนึ่งปัจจัยนึงคงหนีไม่พ้น Trigger fund ที่ออกมาเยอะมากในยามตลาดตก ตอนตลาดดีๆ กองพวกนี้ขายดีมาก แป๊บๆก็ทริกเกอร์แล้วคิดว่าง่ายๆ พอตลาดมันไม่ใช่ uptrend อย่างแต่ก่อน น่าจะดอยกันอยู่ไม่น้อย ล่าสุดพอตลาดขึ้นมารอบนี้คนก็กลัวว่าจะเจอแรงขายจาก trigger fund เหล่านี้ แต่เท่าที่ตามข่าวมีกองที่ปิดได้เพียงแค่ 2 กองของ TISCO มูลค่ารวม 690 ล้านบาท ...สรุปง่ายๆ กองปกติ ถ้ามีเงินเข้าเยอะ กองก็คงเป็นฝั่งซื้อ ถ้ามีเงินออกเยอะ กองก็คงเป็นฝั่งขาย สัดส่วน cash ในพอร์ตก็แล้วแต่ Fund manager จะจัดการว่าจะให้มีมากน้อยแค่ไหน อยากมีมากก็ขายมาก อยากมีน้อยก็ซื้อหุ้น ถ้ามีกองทริคเกอร์ออกมาใหม่ก็คงจะมาแรงซื้อจากตรงนี้เข้ามาบ้าง (แต่เท่าที่สังเกต กองใหม่ๆที่ออกขายได้น้อยลงเรื่อยๆ) ส่วนขึ้นไปตลอดทางก็เจอกองทริกเกอร์รอดักขายอย่างแน่นอน คือ ถ้าไม่ปิดตัวไปเพราะถึง target เมื่อครบกำหนดอายุกองก็คงมีแรงขายคืนเงินผู้ถือหน่วย
 
  • Prop Trade - อันนี้จัดเป็นกองเสริม พวกนี้ดูแล้วจะไปตามเทรนด์ วันไหนมองขึ้นพี่ท่านก็จะยิ่งเสริมแรงกระทิง แต่ถ้าแบบวันนี้มองลงนี่ก็แปลงร่างเป็นหมีตบไม่เลี้ยง ไม่รู้เหมือนกันว่ามี Prop trade นิมันเสริมสร้างคล่องให้กับตลาดหรือทำลายเม่าในตลาดกันแน่ ยิ่งวันไหนสภาพคล่องน้อยๆ พวก Prop trade มีอิทธิพลกับตลาดมากเหลือเกิน นอกจากแรง speculative แล้วยังมีแรง Arbitrage อีก 
 
  • รายย่อย - ย่อยไทยรอบนี้เมพสุดๆ ตลาดลงซื้อ ตลาดขึ้นขายตลอด รายใหญ่ๆพวก big leg ที่จัดเป็นรายย่อยนี่ก็เป็น market maker ให้กับหุ้นได้อย่างดี (หน้าตากราฟยอดซื้อขายของรายย่อยดูเหมือนกองทุน? ก็เงินกองทุนก็เป็นเงินรายย่อยนินา :P)
 
เนื่องจากเดี๋ยวนี้หากินได้ทั้งตลาด spot และ future มาดูตลาด Future กันบ้าง วันนี้โหดมากๆหลุดทุก timeframe แต่ที่โหดกว่าคือ ทั้งวันพี่ท่านจะเลี้ยงให้ basis แคบก่อน หลอกให้ตายใจว่าอยากขึ้น พอไล่ขึ้นไป คราวนี้ทุบไม่เลี้ยง เถื่อนจริงๆ
สถานะโดยรวมตอนนี้กอง+ปอบเป็น net short 
 แนวรับถัดไปของ SET 
สรุป ตลาดตอนนี้คงเป็นผู้เล่นในประเทศเป็นตัวกำหนดเป็นหลัก.....ใครใจไม่ถึง ไม่ชอบเหวี่ยงประเภทลุกไปเข้าห้องน้้ำกลับมาจำราคาไม่ได้ พวกกลัวประชุมแพง ควรอยู่นิ่งๆเถอะกะตลาดแบบนี้ sideways กรอบกว้างและ high volatility ขนาดนี้ kill momentum trader ชัดๆ ซื้อเบรคโดนตีหัวตลอด ถึงจุดคัทพี่ท่านเด้งมาให้ช้ำใจอะไรทำนองนี้ @_@

แต่ถ้าใครจะเล่น ก็เลือกตัวแกร่งๆกว่าตลาด 
"Price are not too high to begin buying and not too low to begin selling. Stocks showing high relative strength are likely to continue increasing in prices and it's better"

18/7/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 18 ก.ค. Break out!

ช่วงนี้ The guy who run the (financial) world คงหนีไม่พ้นป๋าเบน ที่พูดทุกครั้งมี impact กะตลาดทุกครั้ง แม้แต่รู้ว่าจะมีคิวพูดตลาดยัง sideway รอด้วย light volume เลย ต้องมาเดาใจกันว่าป๋าจะพูดเป็นบวกหรือเป็นลบกับตลาด

หลังจาก FOMC statement ออกมาสรุปข่าวๆก็ตามรายละเอียดใน blog ก่อนหน้า รอบนี้เป็นคิว Testimony ที่ต้อง report ต่อ Congress จริงๆแล้วเนื้อหาสาระก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากที่ป๋าเบนพูดครั้งก่อนๆ แต่ที่ต่างกันออกไปคือวิธีการสื่อสาร ที่ต้องการทำความเข้าใจกับตลาดมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นการ calm down หรือ manage expectation ของ market รึป่าว แต่ก็ช่วยให้ตลาดไม่ค่อยตกใจกับเรื่อง QE taper off เอ๊ะ หรือว่าเริ่มชิน

สรุปสาระสำคัญก็มีอยู่ว่า

a highly accommodative monetary policy will remain appropriate for the foreseeable future.

we think of these two tools as having somewhat different roles.The first tool is expanding the Federal Reserve's portfolio of longer-term Treasury securities and agency mortgage-backed securities (MBS); we are currently purchasing $40 billion per month in agency MBS and $45 billion per month in Treasuries. The second tool is "forward guidance" about the Committee's plans for setting the federal funds rate target over the medium term. 

even after purchases end, the Federal Reserve will be holding its stock of Treasury and agency securities off the market and reinvesting the proceeds from maturing securities, which will continue to put downward pressure on longer-term interest rates, support mortgage markets, and help to make broader financial conditions more accommodative.  


relying on near-zero short-term interest rates, together with our forward guidance that rates will continue to be exceptionally low


we anticipated that it would be appropriate to begin to moderate the monthly pace of purchases later this year.

expected to continue to reduce the pace of purchases in measured steps through the first half of next year, ending them around midyear.

asset purchases depend on economic and financial developments, they are by no means on a preset course. 

สรุป FED ยังคงดำเนินนโยบายเอื้อกับตลาดต่อ FOMC จะตัดสินใจอย่างไรก็ขึ้นกับตัวเลขและประมาณการณ์เป็นสำคัญ  เครื่องมือที่ใช้มี 2 อย่าง
  1. Asset purchase - แต่น่าจะเริ่ม taper น่าจะเริ่มภายในปีนี้ (แต่ไม่ได้บอกว่าเดือนไหน) และไปสิ้นสุดประมาณกลางปีหน้า (unemployment 7% inflation 2%) ถ้าตัวเลข projection เป็นไปตามคาดการณ์ของ FED ถึงแม้ว่า หลัง asset purchase จบ fed ก็ยังคง hold bond และ MBS และ reinvest proceed ที่หมดอายุ เพื่อช่วยกดดอกระยะยาว/ช่วยตลาดบ้านและตลาดการเงิน 
  2. FED fund rate - ก็ยังคงระดับต่ำใกล้ๆ 0 ต่อไป (unemployment 6.5% inflation 2%)
แต่จากตัวเลขคาดการณ์ GDP ของ US ดูเหมือนศก.บ้านเค้าจะฟื้นจริงๆ FED คิดว่า GDP จะขึ้นมาอยู่ราวๆ 2.9-3.6% ในปี2015 และ unemployment rate จะค่อยๆลดลงไปเป็น 5.8 - 6.2% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2015

เอ อย่างนี้เงินจะกลับเข้าไปตลาด US? บ้านเราจะ decouple กะ US market? Stock rotation จะไหลกลับจาก EM ไปยังตลาด DM? เป็นสิ่งที่น่าติดตาม เพราะต่อจากนี้ excess liquidity ก็จะลดลง cheap money ก็จะหายไป แต่ยังคงเป็น view เดิมอย่างที่เคยเขียนก่อนหน้าว่า DM น่าจะ outperform EM จนกว่าตลาดเรา valuation จะ justified แต่ไม่น่าจะ decouple กันเลยนะ (แม้ fundamental ของเราที่ดู weaker กว่าแต่ก่อน แต่ถ้าพื้นฐานปท.เปลี่ยน เช่น 2 ล้านๆไม่ผ่าน เกิดศึกเสื้อหลากสี แน่นอนการ decouple ก็คงเกิดขึ้นได้ไม่แปลก)

นั่นเป็นประเด็นที่จะต้องจับตาต่อ พรุ่งนี้ BOT จะออกว่าตัวเลขที่ revise down GDP ออกมาจะเป็นเท่าไร ไส้ในปรับลดตัวไหนลงบ้าง

กลับมาดูที่ SET เรากันบ้าง SET กลับมายืนเหนือ Moving average ได้ วันนี้เบรคมาด้วย volume ที่เยอะกว่าวันก่อนๆด้วยพอควร (แม้หัก CKP ที่เป็น IPO เข้าวันแรก) RSI กลับมามากกว่า 50 ได้อีกครั้ง ATR ยังอยู่ในระดับสูงแต่ก็ลดลงมาพอควร รอบนี้ต้องยอมรับใน MACD ตั้งแต่ตัดขึ้นมาก็เหนียวแน่นหนึบไม่ยอมหลุดลงไป
จริงๆ SET มา test แถว neck line เดิมหลายรอบมาก แต่เพิ่งจะมาผ่านจริงจังวันนี้ 
แนว FIBO ด่านต่อไปก็ 1500 1530
ขอให้ไม่ใช่ false break แล้วยังรักษา uptrend ไว้ให้ได้
พรุ่งนี้ปิด week ถ้ารีบกลับไปเข้ากรอบเดิมจะดีมากๆ แต่ดูท่าจะเหนื่อย คงต้องลุ้นหนักหน่อย
สรุป ผ่าน neck line มาได้แล้ว น่าลุ้นไปต่อ 1500 1530 ก่อนเป็นลำดับถัดไป จะทำไหล่ขวารึป่าวไม่รู้ ค่อยดูกันอีกทีนึง เอา sma200d 1445 หรือ neck line ที่เบรคไป 1460 เป็นจุด stop หละกัน

ช่วงนี้เราได้ค่าเงินเป็นใจขึ้นมานิดหน่อย SET in ฿ และ SET in $ ไม่ได้ห่างกันเหมือนช่วงก่อน จากรูปนี้เห็นได้ชัดเลยในช่วงตั้งแต่ SET ลงมาฝรั่งขาย เส้น SET in ฿ เหนือ SET in $ ตลอด แต่ช่วง Uptrend SET in $ อยู่เหนือ SET in ฿ นี่คงเป็นเหตุผลเรื่อง foreign fund flows / FX gain and loss
 
ถ้า FX และ Bond yield เริ่ม stabilized เรื่อง capital flight ก็จะลด pressure ลง 
ช่วงนี้ ฝรั่งกลับมาซื้อบ้านเราแต่ไม่ได้ซื้อเยอะนะ จริงๆตามสูตรนับ 3 ถ้ารวม BAY ที่ฝรั่งมาซื้อก็ถือว่านับไปแล้ว แต่ถ้าไม่รวม BAY ก็ยังถือว่ายังไม่ครบ 3...คือ ตอนคิดสูตรนับ 3 มันไม่มีรายการ Tender offer แบบนี้อ่ะ เลยไม่รู้ว่าต้องรวมหรือไม่ต้องรวมดี แต่ถ้ารวม ก็คิดเป็นว่า cost รอบนี้ที่เข้าคือ 1453.71 หละกันนะ เอาไว้ติดตามผลสูตร ^^"
สถานะ TFEX foreign ตอนนี้ก็ neutral 
ระหว่างที่เขียน blog อยู่ ตลาดเมกาก็ทำ ATH ไปอีกแล้ว ส่วน SET เรายังห่างไกลนัก 
ยุโรปก็ดูดี 
ส่วน TIPs เหลือแค่ JKSE ที่ยังไม่กลับมายืนเหนือ ema50D 
ตอนนี้ Earnings ของบริษัทสำหรับไตรมาส 2 เริ่มออกแล้ว เรามารอดูผลสะท้อนของเศรษฐกิจในภาค real sectors กันดูว่าแย่จริงตามการลดประมาณการเศรษฐกิจลงมั้ย ...Multiples เป็นมายา Earnings เป็นของจริง มารอดูบทพิสูจน์นี้กันว่าบริษัทไทยจะทำได้ดีแค่ไหน จะต้อง upgrade / downgrade กันอีกมากน้อยแค่ไหน Forward looking ต่อ earnings จะเป็นอย่างไร ปัจจัยเหล่านี้แหละจะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดต่อไป (เหมือนอย่างตลาดเมกา ที่ตอนนี้ไปต่อได้ส่วนนึงก็เพราะ earnings ออกมาดีกว่าคาด)

11/7/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 11 ก.ค. Bernanke effect

หลังจากที่ SET ทำแท่งแดงมา 9 แท่งติด ทำแท่งเขียวแท่งแรกก็กินไป 5 แท่งแดงที่ลงมาเลย แถมปิดเต็มๆแท่งอีกต่างหาก จริงๆเมื่อวาน MACD เกือบตัดลงหละ วันนี้ภาพกลับตาลปัตรไปอีกทาง แถม volume ก็ใช้ได้ แม้ไม่ได้มากดังก่อนแต่ก็มากกว่าหลายๆวันที่ผ่านมาช่วงนี้
มันเกิดอะไรขึ้น? แน่นอน ต้องขอบคุณป๋าเบน ผู้เปลี่ยนโลกในช่วงค่ำคืน จาก FOMC statement / minutes  ประเด็นสำคัญที่เปลี่ยนโลกก็คือ

"All members but one judged that the outlook for economic activity and inflation warranted the continuation of the Committee's current highly accommodative stance of monetary policy in order to foster a stronger economic recovery and sustained improvement in labor market conditions in a context of price stability"

'many members indicated that further improvement in the outlook for the labor market would be required before it would be appropriate to slow the pace of asset purchases' 

" Some added that they would, as well, need to see more evidence that the projected acceleration in economic activity would occur, before reducing the pace of asset purchases"

"several members judged that a reduction in asset purchases would likely soon be warranted, in light of the cumulative decline in unemployment since the September meeting and ongoing increases in private payrolls, which had increased their confidence in the outlook for sustained improvement in labor market conditions."

"In general, members continued to anticipate that maintaining the current exceptionally low level of the federal funds rate was likely to remain appropriate for a considerable period after asset purchases are concluded.'

Voting for this action: Ben Bernanke, William C. Dudley, Elizabeth Duke, Charles L. Evans, Jerome H. Powell, Sarah Bloom Raskin, Eric Rosengren, Jeremy C. Stein, Daniel K. Tarullo, and Janet L. Yellen.

Voting against this action: James Bullard and Esther L. George.

สรุปง่ายๆสั้นๆ ก็คือ ในการประชุมเดือน june มีการถกกันว่าจะหยุด QE ภายในปีนี้หรือไม่ แต่ FED ก็ยังยืนยันดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ยังไม่รีบ QE taper off ตามที่ตลาดกังวลกันนั่นเอง เสียงส่วนใหญ่เหมือนอยากเห็นภาคการจ้างงานดีขึ้นเพื่อความมั่นใจก่อนที่จะเริ่มลดขนาดการซื้อบอนด์ลง แต่แน่นอนหล่ะ ในที่สุดยังไงก็ต้องมีการลดขนาดของ asset purchase (ปัญหาคืออยู่ที่เมื่อไร แต่ไม่ใช่ในตอนนี้!)  อย่างไรก็ดีถึงแม้จะ QE taper off การคงดอกเบี้ยในระดับต่ำอย่างนี้ก็ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแผนที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตราบใดที่ unemployment rate ยังไม่ต่ำกว่า 6.5% และเงินเฟ้อไม่เกิน 2.5%

ฉะนั้น ที่นักลงทุนกลัวๆกัน ก็ calm down ได้ซักพัก ภาวะ liquidity surplus ก็ยังจะคงอยู่ต่อไปก่อน ผลก็คือ หุ้นไทยวันนี้ดีใจจัดบวกกระจาย คำถามต่อมา คือ จะไปได้ถึงไหน? กลับตัวจริงหรือหลอก?


คำตอบก็คือ ไม่รู้ 555 ...ช่วงนี้มึนมาก ยากสุดๆ

SET กลับมายืนเหนือ sma200d อีกครั้ง
SET ผ่านแนวต้านที่กดมาได้ ถ้ากลับตัวกลับใจไปต่อก็น่าจะไปเทส neckline เดิม 146X ก่อน แล้วเป้าถัดไปจริงๆก็ 1500
พรุ่งนี้ปิดวีค ก็น่าจะพ้น downtrend line ระดับ week ได้
one day doesnt make a trend ฉะนั้นถ้าจะได้ไปต่อ พรุ่งนี้ขอให้โชว์ให้เห็นด้วย

วันนี้ TFEX เล่นกันติด BB band บนเลยทีเดียวตั้งแต่ผ่านสายสิญจน์มา แถม basis ก็กลับมา fair เลยจากที่ติดลบเยอะๆ ถ้าเอาสายสิญจน์เป็น stop รอบนี้ก็ราวๆ 1420
ระหว่างที่เขียนอยู่ DJIA ก็ทำ ATH ไปแล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ในตอนก่อนหน้าโน้น ส่วนตัวเดาว่ารอบนี้ DM จะกลับมา outperform EM ก็ไม่น่าแปลกใจ
TIPs วันนี้เด้งแรง แต่ก็ยังต้องลุ้นเหนื่อยต่อ มีอีกหลายเส้นให้ต้องฝ่าฟันไป
 ดีหน่อยตรงมีค่าเงินมาช่วย support พอยังคงปั๊มเงินต่อ $ ก็กลับมาอ่อนค่าลงบ้าง
ช่วงนี้ยอดซื้อขายฝรั่งก็ดูยากอีก เพราะบางวันมียอดโผล่เข้ามาซื้อ bay ที่รอ tender ซะเยอะ แต่ถ้านับตามยอดที่ report SET แบบไม่ต้องคิดมาก วันนี้ก็นับ 2 แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ซื้ออีกก็นับ 3 ตามสูตร (ปล่อยให้รอเก้อมานาน) ส่วนตัวเชื่ออย่างนึงว่าถ้า bond yield และ FX stabilized เมื่อไร fund flows ค่อยน่าจะกลับมาจริงจัง
ส่วนยอด TFEX หรั่งที่ S ไว้วันก่อนวันนี้ก็ไล่ปิดหมด ไม่รู้เป็นเหตุให้ basis แคบลง หรือเปล่า ส่วนกอง+ปอบวันนี้ที่ S เยอะ แต่ก็ซื้อ spot เยอะ ก็ไม่รู้ว่าเป็น arb รึป่าว ยอดสะสมตั้งแต่ 28 มิ.ย. ก็เลยไม่เท่าไร

พูดถึง FOMC ไปซะเยอะลืมพูดถึง MPC ไทย....รอบนี้ก็คงดอกเบี้ย พร้อมกะลดประมาณการณ์ GDP ลงจาก 5.1 เหลือเท่าไรรอดูอีกทีจาก MPC statement  พวกโบรคเกอร์หรือ IMF นี่หั่นลงมากระจาย บางรายลงเหลือแค่ 4% แต่ BOT ก็ยอมรับว่า demand ชลอตัวลงสอดคล้องกัน banking industry view

ตอนนี้ก็เป็นฤดูงบเริ่มออกหละ ถ้าดีก็น่าจะช่วย SET ได้ระดับนึง แต่ถ้าแย่ก็นะ

Let's see :)

8/7/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 8 ก.ค. 56 Trade in range?

SET ทำแท่งแดงมา 6 วันติดต่อกันแล้ว ตั้งแต่ตัดขึ้นมายืนเหนือ sma200d ได้ แล้วตอนนี้ก็หมิ่นเหม่อยู่ที่เส้นประคองตัวเหลือเกิน

ไม่รู้ใครเป็นเหมือนเรารึป่าว ดูจอช่วงนี้อึดอัดใจนัก จะไปทางไหนก็เหมือนยังไม่เลือกซักทางซักที จะขึ้นไปเกิน 1460 ก็โดนตบลงมา พอจะหลุดแถว 1430 1420 ก็มีแรงรับกลับมาตลอด ...เดาว่าเลือกผ่านทางไหนก่อนตลอดก็ไปทางนั้นแหละ ดู 1420-1460 เป็นกรอบสำหรับรอบนี้
ผ่านแนว downtrend line แรกมาได้ ก็เหมือนจะ form downtrend line ใหม่อีก >< วันหลังๆ high ในวันต่ำลงเรื่อยๆ แต่ยังดีเมื่อวันศุกร์ไม่ทำ low ต่ำกว่าวันพฤ
หรือจะมองเป็นสามเหลี่ยมที่รอเลือกทาง
ยังไงก็ดีอย่าหลุดแนวนี้หละ ไม่ง้านมันดูน่ากลัวไงไม่รู้

กลัวจะเป็นภาพแบบนี้
จริงๆ วันศุกร์ TFEX ปิดดีนะ ถ้าวันจันทร์ได้ไปต่อก็น่าลุ้นขึ้นสั้นๆ แต่ถ้าตัดลงกลับมาก็เหนื่อยหน่อย ที่ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะตลาดปล่อยไหลมาทั้งวันมาไล่เอาแค่ 15 นาทีสุดท้าย ต้องดูว่ายังไงต่อ
จริงๆ จะว่าไปช่วงนี้ก็ไม่มั่นใจอะไรเลย ขนาดยอดฝรั่งยังเดี๋ยวซื้อเดี๋ยวขาย เดาไม่ค่อยจะถูก แถมเพิ่มระดับความยากขึ้นไปอีก เพราะมียอดโผล่ใน NVDR มาซื้อ BAY (ที่รอทำ Tender offer) เยอะ เลยไม่รู้ว่าซื้อจริงรึป่าว
ส่วนยอด TFEX สะสมนับตั้งแต่ 28 Jun ฝรั่งก็ทยอยปิด long ไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเป็น net long (ไม่รู้ก่อนหน้าว่าroll over มาเท่าไร ก็เอาตามยอด report แล้ว cut off date ตามวันที่เริ่มต้นสัญญาใหม่หละกัน)

แถมหลังตลาดไทยปิดไปแล้ว เกิดดราม่าในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากตัวเลข non farm payroll ของ US ออกมาดี beat concensus ก็เกิดกังวล QE taper off กันขึ้นมาอีกรอบ  ...ช่วงนี้ตัวเลขศก.ออกมาดีแทนที่จะดีใจว่าศก.เข้มแข็งขึ้น กลับกลายเป็นข่าวร้ายแทน

Bond yield ของสหรัฐพุ่งกระฉูดไปก่อนเลย ตอนนี้บางเจ้าให้ไปถึง 3% target สิ้นปีแล้ว

ตลาด DAX ที่วันก่อนเพิ่งจะดีใจ Draghi ให้ dovish statement บอกว่าจะคงดอกเบี้ยต่ำไปอีกแถมเตรียมอัดฉีดเงินต่อ โดยพร้อมจะทำ OMT ตลาดดีใจกันไปแค่คืนเดียว พอเจอ QE taper off concern ลงหนักกว่าแท่งที่ดีใจไปอีก
แต่ตลาด US กลับ react ต่างกันออกไป ตกใจในตอนแรกแต่กลับมาปิด hi ของวันเลย
มาเทรนด์อย่างนี้ คงไม่แปลกที่ DXY จะแข็งค่าขึ้นเป็นธรรมดา ซึ่งไม่ดีเลยต่อ risky asset 
Consequence ต่อตลาดไม่รู้ว่าจะแรงเหมือนที่ bond yield spike รอบก่อนหรือเปล่า รอตลาดเป็นผู้เฉลย

ประเด็นที่น่าจะต้องจับต่อของไทยต่อในวีคนี้ คือ การประชุม MPC ในวันพุธที่ 10 ก.ค. หลายๆคนคาดการณ์ไว้ว่า BOT จะปรับลดประมาณการ GDP ของไทยลง ต้องดูว่าไปลดส่วนไหนเป็นพิเศษ ที่แน่ๆ government spending น่าจะโดนชัวร์ (private investment เป็น indirect ตามมา) เพราะ water management project ก็ให้รอทำ EIA ส่วน 2 ล้านๆนี่ก็ไม่รู้ขัดรัฐธรรมนูญรึป่าว จะเดินหน้ากันต่ออย่างไร ส่วนตัว 2 ล้านๆอยากให้เกิดนะ เพราะมันเป็นอะไรที่พัฒนาประเทศจริงๆ จะได้มี competitiveness กะเค้าบ้าง ดีกว่าเอาเงินไปใช้จ่ายแบบประกันราคา แต่สนับสนุนเรื่องพยายามจะกันไม่ให้เกิด corruption เพียงแต่ว่าอยากให้ project คลอดออกมา...ความเสี่ยงของจีน ด้านส่งออกของเราอาจจะกระทบ เพราะเรา reexport ไปจีนเยอะอยู่ ต้องดูว่าตรงนี้ BOT จะปรับประมาณการณ์ลงด้วยหรือไม่ โชคดีหน่อยที่ตอนนี้บาทอ่อนกลับลงมา ไม่รู้จะช่วยไหวมั้ย 

ส่วนจะลดดอกเบี้ยมั้ย ก็ลุ้นเอา บางคนอาจจะมองว่าปรับเป้า gdp ลง ก็อาจจะมี room ให้กระตุ้นโดนการลดดอกก็เป็นได้ ทำตอนนี้ก็ไม่น่าเกลียด แต่ถ้ามองอีกมุมนึง inflation targeting แม้ตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาออกมาต่ำ แต่ถ้าดูราคาน้ำมันตอนนี้บวกกะค่าเงินอ่อนขนาดนี้ มองไปข้างหน้าน้ำมันก็เป็นความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ลดดอกเบี้ยไม่ได้เหมือนกัน
มุมมองส่วนตัว ถ้าหาก infra projects ไม่เกิด 1650 อาจจะเป็น peak ไปแล้วก็เป็นได้ ...ต้นปีเทียบกะตอนนี้เหมือนตื่นจากฝัน เมื่อตอนต้นปี ฝันอย่างสวยหรู gdp จะโตเท่าโน้นนี้ จะมีโปรเจคโน่นนั่นนี่ สภาวะเงินล้นโลก ส่วนตอนนี้เหมือนโดนปลุกให้มารับรู้ความจริง ใคร totem ยังหมุนอยู่บ้าง?

อยากบอกว่า เวลาหุ้น เค้าเลิกเล่นกัน มันก็คือเลิก story ที่เค้าสร้างมาให้เล่นก่อนหน้า บทมันจะเลิก เค้าก็ไม่สนกันหรอก ตอนหุ้นขึ้น หาเหตุ อัพเกรด rerate >> หุ้นตก ก็ดาว์นเกรด derate เป็นธรรมดา ...Earnings ซิของจริง Multiples เรามโนกันไปเอง มันแล้วแต่ appetite ของคนในช่วงนั้น

หุ้นในหลายๆกลุ่มก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นในตอนนี้ ไม่นับพวก cyclical stocks ที่จบรอบ cycle แล้วก็จบกันไป ต้องรอ cycle รอบใหม่ ...เล่นตาม theme นะได้ มันเหมาะเวลาที่ภาวะตลาดมันเอื้ออำนวย แต่ตลาดแบบนี้ ด่างดำ มีข้อติ แพงเว่อก็ไม่ได้ หายใจดังก็ยังผิด หาเรื่องลงได้หมด ตอนนี้ valuation มันจะต้อง justified มากขึ้น fund flows ก็อีกอย่าง เวลาเค้าออกเค้าไม่สนราคาหรอก เค้าสน size and weighting

Good luck :)