19/8/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 19 ส.ค. Recession?

ความเดิมจากตอนที่แล้ว น่าตลกตัวเองมาก มองออกว่า DJIA DAX กำลังปรับฐาน ซึ่งตลาดก็ลงจริงๆ แต่กลับมองไม่ออกว่า SET จะเป็นยังไง ...นี่เป็นเหตุเพราะใกล้เหมือนไกล ถ้ามองกราฟแบบไร้ใจ ไม่มี bias ไร้ความรู้สึกร่วม การตัดสินใจต่างๆคงทำได้ดีกว่านี้

กลับมาที่ตลาดบ้าง SET ทำทุกทางที่เขียนเอาไว้ทั้งด้านบวกและด้านลบในช่วงเวลา 5 วันทำการ...หลังจากที่ให้สัญญาณ dead cross ไป แต่ MACD ดูทำท่าจะตัดขึ้น ก็ตัดขึ้นไปจริงๆด้วยประมาณ 2 วันทำการ ตอนแรกคิดว่า dead cross จะ false ซะหละ SET ไต่ไปเล่น band บนของ FIBO/EMA50D ก่อนจะเกิดดราม่าขึ้นในวันนี้ ที่อุตส่าห์พยายามมาหลายวัน พังจบลงในวันเดียว

MACD ตัดลงอีกรอบ set ต่ำกว่า low เดิมรอบก่อนที่เคย support มาหลายที และหลุด 1400 ดูจาก moving average ทางโล่งมากด้านล่าง Volatility spike up อีกครั้ง  high volatility คงเป็น new normal สำหรับตลาดไทยไปแล้ว RSI หักหัวลงแสดงถึงความอ่อนชัดเจน

สาเหตุหลักๆที่ทำให้ตลาดไทยลงในวันนี้คงหนีไม่พ้น เป็นเพราะผลของ GDP ในไตรมาส 2 ที่ประกาศตอนเช้า ออกมาที่ 2.8% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.3%YoY รวมๆจะเห็นได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจาก Domestic demand ชลอลงทั้งทางด้าน private consumption และ fixed capx อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นของรัฐบาลที่หมดไปและระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่สูง ภาคอุตสาหกรรมการผลิตก็ชลอตัวลงอันเป็นผลสืบเนื่องจาก domestic demand ที่ชลอลงข้างต้น ด้านส่งออกก็ยังไม่ฟื้น หดตัวต่อเนื่อง ยิ่งพี่จีนมาเป็นอย่างนี้อีกผลกระทบน่าจะลากยาวออกไปอีก แถมท้ายด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและโครงการลงทุนที่ล่าช้าออกไป ทำให้ระบบเศรษฐกิจไม่เดินต่อ ที่ดูดีหน่อยคงเป็นด้าน investment ของภาค private และ public consumption ที่มาช่วย GDP ไว้หน่อย นอกจากนี้ สภาพัฒน์เองก็ปรับประมาณการณ์ GDP ของไทยลงจาก 4.2%-5.2% มาเป็น 3.8%-43%

วันนี้ bloomberg ถึงกะลงข่าวว่า Economy enter recession! ภาพลักษณ์ตลาดไทยในสายตาตลาดโลกเลยดูแย่ไปกันใหญ่

คิดๆไปแล้วก็ช่างน่าตกใจยิ่งนัก ภาพตอนต้นปีกะตอนนี้ต่างกันราวฟ้ากะเหว ทุกอย่างมันเปลี่ยนเร็วมากจริงๆ ตอนต้นปีเรายังมองโลกสวย ปีนี้เราน่าจะโตต่อเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม ปรากฏว่าทุกอย่างชะงักหมดอะไรที่มองไว้ผิดภาพไปซะหมด ตอนซักเมื่อ 2 เดือนก่อนคนเริ่มพูดถึงสัญญาณการชลอตัว แต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนี้ Recession/bubble นี่มันมาให้เราไม่รู้ตัวจริงๆ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อมันมาถึงแล้ว
  • C : ภาพ domestic consumption ที่เคยเป็นพระเอกให้กับประเทศไทยมาตลอด ก็เจอพิษรถคันแรก (ซึ่งตอนนี้อะไรแย่ก็โทษรถคันแรกหมด) ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ไม่มีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทมาช่วยกำลังซื้อแถมคนก็เอาเงินในอนาคตมาใช้กันซะเยอะ พระเอกเลยเริ่มกลายเป็นผู้ร้าย 
  • I : ภาค private ยังเติบโตได้ดี ส่วนนึงน่าจะมาจากการสนับสนุน FDI 
  • G : 2 ล้านๆ นี่ก็เจอพิษเลื่อนเข้าสภาไปอีก จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 21-22 ส.ค. ตอนนี้โดนเลื่อนไปเป็นต้นก.ย. บอกตามตรงว่าท่านจะค้านอะไรกันกับท่านประธานสภาที่เคารพ ถกอะไรกันมากมาย นิรโทษกรรมจะผ่านมั้ย จะดูภาพโป๊ เล่น candy crush ซื้อนาฬิกาแพงๆไว้ประดับห้องประชุม เราไม่ได้ให้น้้ำหนักมากเท่ากับการเอาพรบ.2ล้านๆเข้าสภา ไอ้สิ่งที่ควรรีบทำกลับเลื่อนไปซะนิ ช่วยทำงานให้คุ้มกะที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนและเงินภาษีของประชาชนด้วย ไม่นับโครงการจัดการน้ำที่ตอนนี้ติดปัญหา เงินที่คาดว่าจะต้อง drawdown ในปีนี้ก็คงไม่เกิด
  • ส่งออกที่เคยเป็นพระรอง ตั้งแต่เจอเรื่องค่าแรงขึ้น competitiveness ลดลง เจอเงินแข็งไปตอนต้นปีส่งออกหดก็พอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้เงินบาทอ่อนมามากก็ยังไม่ฟื้น มันเป็นเพราะ demand side จริงๆ เผอิญกับที่จีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศแย่เลยไปกันใหญ่ แถมเมกาเข้าก็โตแบบ domestic ยังไม่ spill over มายัง reexport ของไทย
ปัญหาที่น่าห่วงต่อไป คือ เราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจพ้นจากสภาพ recession อย่างนี้
  • Monetary policy easing? 21 ส.ค.นี้มีประชุมอีกรอบ แม้ GDP จะออกมาต่ำ แต่ให้เดาใจกนง.คงลดดอกยากมั้ง รอบก่อนที่ลดไป บรรดาธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ลดตามเลย แถมเงินเฟ้อก็ต่ำเตี้ย 
  • Stimulus package? รอบก่อนอัดฉีดผ่านรถคันแรก จำนำข้าว 300 บาทดูเหมือนเป็นยาแรงให้กับประเทศ ได้เกินขนาดเลยเกิด after shock มีหลายผลพวงตามมาอย่างที่ไม่คาดคิด ขืนทำต่อสงสัยขาดดุลกระจาย ให้เดา รัฐบาลคงพยายามผลักดันโครงการต่างๆออกมามากกว่า แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้พรก.2 ล้านๆ แต่ก็คงจะดึงออกมาเป็นรายโครงการและทำภายใต้งบประมาณมากกว่า 
ปีนี้ GDP คงไม่ต้องพูดถึง 4% คงเป็น best case สำหรับเราปีนี้ทำใจไปแล้ว มองปีหน้าดีกว่าว่าจะฟื้นได้ไวแค่ไหน หลายๆคนยังมองว่า Public investment ที่เป็นความหวังของประเทศน่าจะมาออกมาช่วยได้ ถ้าตรงนี้ไม่ผ่านปีหน้าคงจะมี downside risk อีก ปัญหา household debt ที่สูงขนาดนี้แน่นอนระยะสั้นมันเป็น shock ที่คนหยุดการใช้จ่ายเมื่อคนเป็นหนี้ใหม่ๆ ต้องดูว่าต่อไปแล้ว คนจะปรับตัวได้ไวแค่ไหนกว่า spending จะกลับมา อีกหนึ่งปัจจัย คือ หุ้นลงนี่แหละ wealth effect หายเพียบ ถ้าตลาดหุ้นไทยกลับมาดี domestic consumption ก็อาจจะกลับมาได้ แต่มันก็งูกินหางเหมือนกัน ตลาดหุ้นมักจะเป็น leading indicator ของ real economy

พูดไปซะมากกับภาพ Macro กลับมาดูที่ Corporate บ้าง หลังจากการประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ไปแล้วปรากฏว่า กำไร +25% YoY แต่ถ้าดู QoQ นิลดลง 30% นิขนาดมีผลของ tax rate ที่ลดจาก 23% เป็น 20% ส่วนนึงที่กำไร YoY โตดีเป็นเพราะ low base ของกลุ่มพลังงาน ปิโตรและบ้าน และที่ QoQ ตกลงเยอะ เพราะ high base ของ Q1 ซึ่งมีกำไรพิเศษเยอะ (21% ของกำไรสุทธิเป็นกำไรพิเศษ) รวมถึงการเป็น low season ของธุรกิจท่องเที่ยวและขนส่ง รวมๆแล้ว SET q2 earnings ถือว่าต่ำกว่าคาดราวๆ 6-7%

อันนี้เป็น consensus earnings ของโบรคเกอร์ที่ทำไว้ตอนงบ q1 หลังจากงบ q2 ออกเริ่มมีบางเจ้าปรับ target ต้องรอดูของเจ้าอื่นต่อๆไปว่าจะปรับกันยังไงต่อ Corporate earnings ก็น่าจะล้อๆไปกับ GDP มั้ง ><"
  • BLS : SET EPS growth 15% this year and 16% in 2014. Core profit expansion forecasts are even more bullish at 22% YoY for 2013 and 16% next year. SET target for 2013 = 1575
  • CIMB : SET target 1700. Core EPS growth this year is revised down slightly from 21% to 20%, but nudged up from 14% to 15% this year.
ที่พูดไปนี่แค่ปัจจัยภายในประเทศเอง ยังไม่นับ
  • TIPs โดนฉุด sentiment จาก Indo ที่มีปัญหาด้านขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ค่าเงินอ่อน CDS spread พุ่ง เงินเฟ้อสูง แบงค์ชาติอินโดดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดหลังขึ้นดอกเบี้ยไป 2 ครั้ง คราวนี้เพิ่ม reserve ratio อีก ....พูดถึงปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินโด แล้วก็แอบกลัวของไทยที่ผ่านไปครึ่งปีก็ขาดดุลไปไม่เบาเลย ไม่น่าแปลกใจทำไมเงินบาทอ่อนงี้

  • Taper off : วันพฤที่ 22 นี้จะเป็นวันที่ FOMC statement ออก ก็ไปลุ้นกันอีกครั้งนึง หลังๆตัวเลขของเมกาออกมาดี โดยเฉพาะ jobless claims/umemployment ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น SEPtaper จริงๆอย่างที่รู้กัน FED ก็บอกชัดว่าเริ่ม taper ปีนี้แต่ปัญหาคือเงื่อนเวลานั่นเองว่าเมื่อไร แต่ที่แน่ๆ คือ bond yield นำโด่งทำ new high ไปแล้ว ตอนนี้มองกันว่า 3% ใกล้จะถึง target หละ แน่นอน bond yield ยิ่งขึ้น earning yield gap ยิ่งแคบ ไม่แปลกใจที่จะ hurt หุ้น EM
  • Budget sequestration ที่จะเริ่มมีผลกระทบในช่วงประมาณเดือนต.ค.
  • จีน hard or soft landing? ยากจะตอบ แต่รู้ว่าไม่โตเหมือนเคย อันนี้คงเป็นปัจจัยที่กดดันไปเรื่อยๆค่อยๆประทุ
แนวรับ set
 

12/8/56

เตรียมการบ้านกะ NN : 12 ส.ค. Dead cross

ไม่ได้เขียนบล็อคซะหลายวัน วันนี้เนื่องในโอกาสวันแม่ (เกี่ยวมั้ย) เลยถือโอกาสเขียนซะหน่อย

ขนาดไม่ได้เขียนนาน ตลาดก็ยังไม่ไปไหน ลงไป test แถวๆ 140x หลายรอบ แนวรับนี้แถวว่าเหนียวทีเดียวสำหรับรอบนี้ แต่ขึ้นไปก็ยังไม่ผ่านทำได้ดีสุดแค่ sma200d แถวๆ145x ชนแนวต้านก็ถอยกลับมา สงสัยจะเป็น sideway ในกรอบแถวนี้ก่อนจะเลือกทางได้ (รึป่าว)
ข้อดีที่พอจะเห็นได้ ก็คือ SET ยังไม่ทำ lower low และ Volatility ก็ค่อยๆลดลง ถ้าพยายามสะสมกำลังขึ้นอีกหน่อย MACD ก็พอจะตัดกลับขึ้นไปได้ไม่ลำบากนัก

แต่ที่น่ากลัวก็คือ SET ทำสัญญาณ Dead cross แล้ว
แถมด้วยฝรั่งกลับมาขายหนักอีกรอบ นับ 3 เป็นที่เรียบร้อย ฝรั่งกลับมามุ่งมั่นจริงจังขายอีกรอบหลังจากเบามือไปนาน
แม้ว่ากองและย่อยจะช่วยดันตลาด (ปอบช่วยด้วยบางครั้ง) แต่ถ้าฝรั่งยังขายหนักอย่างนี้ก็สงสัยเหมือนกัน SET จะไปต่อได้ไง เหมือนเอาท่อนซุงไปขวางกระแสน้ำ
สิ่งที่เป็น catalyst ที่ทำให้ฝรั่งกลับมาขายหนักอีกรอบคงไม่พ้น ค่าเงินบาทและ bond yield gap (ผลสะท้อนของ flows และ valuation) ที่เป็นปัจจัยที่จะต้องเฝ้าระวังให้ดี
 
ภาพ macro ตอนนี้ ถือว่ากดดันตลาดจริงๆ ไม่มีอะไรเป็น catalyst ....QE taper off เป็นบทหนักสำหรับตลาด Emerging market โดยเฉพาะ Asean อย่างเราจริงๆ บทความ การจะหมดไปของ QE แปลว่าอะไรสำหรับเศรษฐกิจอาเซียน ของดร.สันติธาร เสถียรไทย นี้ขอแนะนำให้อ่านคะ ชอบคนเขียนคนนี้มากสรุปผลกระทบได้เห็นภาพสุดๆ

ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าไป Action speaks louder than word ถึงแม้ FED ยังไม่ได้ Taper off แต่ market ก็ forward looking และ take expectation ไปเรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก Flows ที่ไหลออกจาก EM เข้า DM เราคงจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับตลาดหุ้นในยามที่ asset purchase ลดขนาดไปจนถึงการสิ้นสุดของ QE
นอกจาก QE ที่เป็นผลจากปัจจัยภายนอกแล้ว ไทยเรายังแย่อย่าง คือ มาเจอในตอนที่จีนซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย (ประมาณ 10% ของยอดส่งออก) ชลอตัวพอดี แถมการ reform ต่อไปของจีนก็ไม่ได้เน้นจะโตโดย trade แบบแต่ก่อน เน้น domestic consumption แทน spill over ที่จะออกมายังตลาดอื่นก็น่าจะไม่เยอะเท่าไรแม้จะมีมาตรการออกมาป้องกันไม่ให้เกิด hard landing

ไทยเราเจอสองต่อ ศึกภายนอกหนักแล้ว ทัพภายในประเทศเราก็อ่อนแอพอดี เจอปัญหาทั้ง consumption slowdown ซึ่งน่าจะเป็นผลสืบเนื่องต่อจาก Household debt ส่งออกก็ยังไม่ฟื้น ถึงแม้ค่าเงินจะอ่อนซะขนาดนี้ พอ 2 ล้านๆ ยังไม่เกิดก็พาลให้ investment ต่างๆ delay ออกไปทั้งภาคของรัฐและเอกชน เหมือนลากกันไปมาก็เลยฉุดกันไปหมด ตัวเลข GDP ขนาด BOT เองก็มองว่า 4% ถ้าได้ก็พอใจแล้ว แต่ BOT ยังมอง optimistic หน่อยตรงที่ว่า momentum น่าจะไม่ลากยาวไปยังปีหน้า ปีหน้าศก.น่าจะฟื้นขึ้นหน่อย ก็ต้องตามดูกันไป

ปัจจัยเดียวที่ตอนนี้นึกได้ว่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาได้ ก็คงจะเป็นเรื่องของ 2 ล้านๆ ที่น่าจะเป็น game changer ก็ต้องติดตามเรื่องที่เอาเข้าสภากันในวีคหน้า ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงการตีความเรื่องโครงการน้ำด้วย ถ้าผิดรัฐธรรมนูญ ก็จบกันเพราะนั่นหมายความถึงการยุบสภา เรื่องราวก็จะ delay ต่อไปอีก ....ส่วน 2 ล้านๆ ถ้าไม่สามารถออกมาเป็นพรก.ได้ แบ่งโครงการทำภายใต้งบประมาณ ก็น่าจะช่วย sentiment ได้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็มีโครงการใหญ่ที่ก่อให้เกิด productivity/multiple effect ออกมาบ้าง....เขียนเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว เบื่อมาก แต่มันเป็นประเด็นที่ต้อง keep in mind

ส่วนงบการเงินที่กำลังออกมาในช่วงไตรมาส 2 นี้ ช่วงนี้ก็ออกกันเริ่มเยอะแล้ว ส่วนใหญ่ออกมามักจะโดน downgrade earnings ทั้งปี 2013 กันซะเป็นส่วนใหญ่ น่าจะเป็นเพราะภาพ macro ที่คนมองว่าครึ่งหลังจะแย่กว่าครึ่งแรกด้วยมั้ง

ที่เขียนมาก่อนหน้าอ่านดูแล้วหดหู่ไปมั้ย ><"

จริงๆ  SET ก็ยังอยู่ในกรอบ fibo ได้ดี

ตอนตลาดไทยพอจะทรงๆ ตลาดต่างประเทศดูกำลังจะปรับฐาน ก็ไม่รู้ว่าจะ decouple ไหวมั้ย
ส่วนตัวยังมองว่าก็ยังเล่นไปในกรอบนี้ไปก่อนที่จะเลือกทางได้ ถ้าไม่มีอะไรดราม่า เป็น trigger incident อีก low เดิมก็น่าจะ support ได้ แต่ให้ขึ้นก็ไป high เดิม ก็คงยาก คงเป็น sideways กรอบกว้างๆอย่างนี้ไปก่อนในยาม vacuum market