25/12/59

รีวิว เที่ยวยุโรปตะวันออก+ปารีส (ตอนที่ 2) : บูดาเปสต์ (Budapest)

ความเดิมตอนที่แล้ว
รีวิว เที่ยวยุโรปตะวันออก+ปารีส (ตอนที่ 1) : เตรียมตัวเที่ยวด้วยตนเอง
วันที่ 1 
เริ่มต้นการเดินทางของทริปวันแรกกันคะ เครื่องออกจากสุวรรณภูมิตอนประมาณเที่ยงคืนเป็นไฟล์ทบินตรงถึงปารีสเลย นั่งเครื่องประมาณ 11 ชั่วโมงได้ รอบนี้ไปกับการบินไทยขึ้นเครื่องไปแป๊บนึงก็เสริ์ฟอาหารก่อนเลย อาหารการบินไทยในยุค MD คนใหม่อย่างคุณจรัมพร ที่ผ่านการปรับปรุงองค์กรมาบาง ถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนะ จากนั้นก็ดับไฟ แต่ถ้าใครหิวอยากทานน้ำ ของว่างเล็กๆน้อยๆเพิ่ม ก็บริการตัวเองได้ เค้าวางไว้ตรงที่เตรียมอาหารใกล้ๆห้องน้ำ ก่อนจะเสริ์ฟอาหารอีกทีตอนใกล้ๆเครื่องลงเป็นมื้อเช้า ...รอบนี้สมูททุกอย่าง ถึงก่อนเวลาเล็กน้อยด้วยประมาณ 7 โมงเช้า ลงเครื่องที่ CDG ตอนผ่านคนเข้าเมือง ไม่มีถามอะไรซักคำ ปล่อยผ่านอย่างง่ายดาย แค่ดูวีซ่าเชงเก้นแล้วก็ปั๊มให้เลย กระเป๋าก็มาอย่างรวดเร็ว 
อย่างที่เล่าในตอนก่อนหน้าว่าเราจะต่อเครื่องจากปารีสไปบูดาเปสต์เลย พอได้รับกระเป๋าเสร็จก็เดินย้าย Terminal เฉยๆ นั่งรถไฟที่เชื่อมกันภายในสนามบินอย่างสะดวก 8 โมงกว่าที่ปารีสยังมืดอยู่เลยจากนันเราก็นั่งแก่วรอในสนามบิน รอเวลากันไป ที่ starbucks สาขานี้วิวดีมากๆ เห็นเครื่องบินขึ้นลงตลอดโชคดีที่สนามบินมี free wifi แล้วก็ตรงที่นั่งก็มีที่เสียบ USB สำหรับชาร์ตแบตโทรศัพท์ การรอก็ไม่น่าเบื่อมากเท่าไรนัก พอได้เวลา เราก็ไป bag drop กระเป๋าของสายการบิน Easyjet กัน (ก่อนหน้าจะมา เค้าส่งเมล์มาให้ check in online ล่วงหน้าแล้ว) ....เราไปรอบ 13.05 ก็ตรงเวลาคะ จากปารีสมาบูดาเปสต์ไม่นาน แค่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง แต่ตอนเครื่องลง นี่แบบแปลกๆดีเหมือนกัน คือ เนื่องจากสนามบินเล็กมาก ก็จอดไกลพอควร ไม่มีงวงช้างมาเทียบ ลงประตูแล้วก็เดินอีกซักพักเลย กว่าจะถึงตัว terminal จุดนั้นรู้สึกว่านาน เพราะหนาวมาก ที่โล่ง ลมพัดปลิวผ่านตม.ที่นี่ก็ไม่ตรวจอะไรเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะว่าบินภายในยุโรปมั้งเลยไม่ตรวจ กระเป๋าก็มาเร็วมาก คงเพราะ low cost คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยโหลดกระเป๋ากัน
จากนั้นเราก็เข้าเมืองกันคะ รอบนี้มีสามีของเพื่อนของเพื่อนมารับอีกที ก็สบายเรา สะดวกดี ต้องขอบคุณไว้อีกทีด้วย...4 โมงกว่าที่นี่ก็มืดแล้ว รถก็ติดอยู่เหมือนกัน...เรามีไปแวะห้างที่นึงก่อนจะมาที่ที่พัก ห้างใหญ่มาก มีแทบทุกแบรนด์ ก็เลยแลกเงินที่ Western Union ในห้างไปเลย  จากนั้นก็มาเช็คอินเข้าที่พักกันคะ รอบนี้เราพักที่ Pal's Hostel and Apartments จุดที่ check in ถ้าหันหน้าออกจากโบสถ์St. Stephen's Basilica อยู่ฝั่งตรงข้ามทางซ้ายมือเลยคะ ตึกที่สองมั้ง ขึ้นไปเช็คอิน พนักงานก็จะอธิบายโน่นนี่ให้ฟัง จ่ายตังค์ (อ่อ ที่นี่รับเป็น cash นะ จะจ่ายเป็น Euro หรือเป็นโฟรินทร์ก็ได้ จากนั้นเค้าก็จะพาเราเดินมาที่ที่พักคะ 
ของเราถ้าหันหน้าออกจากโบสถ์ ที่พักจะอยู่ด้านขวามือ เดินมาไม่ไกล อยู่บ้านเลขที่ 10 ชั้น 2 ที่นี่กุญแจจะซับซ้อนหน่อย ตอนเข้าประตูใหญ่ก็ต้องกด key lock หนึ่งที มาที่ห้องก็มีล็อคอีก 2 ชั้น...ลักษณะห้องก็เป็น apartment เลยคะ ห้องที่เราพัก คือ Double Room, 32 m² แต่มี request ไปตอนจองว่าขอเป็นห้องที่เห็นวิวโบสถ์ 
พอถึงห้อง โอ้ว มันใหญ่มาก คือ อยู่กันได้ 10 คนยังไม่อึดอัด 555 เตียงเพียบ แต่นี่นอนกันสองคน ...เข้าห้องไปปุ๊บก็จะมีห้องครัวอยู่ อุปกรณ์ครบพืนที่ส่วนกลาง ห้องนอน เห็นมั้ยว่าเตียงเยอะจริงๆ ห้องน้ำ ที่นี่ก็ได้รับการเรทติ้งที่ดีใน tripadvisor อันนี้จากระเบียงห้องคะ เปิดไปก็เห็นSt. Stephen's Basilica เลยช่วงที่เราไปก็มีตลาดนัด x'mas แล้ว ย่านนี้ก็จะคึกครื้นทีเดียวมีลานไอซ์สเก็ตด้วยนะ บรรยายกาศที่เราดูในหนังฝรั่งพรึ่บพรั่บมาในหัวเลยของขายเพียบ ทั้งของกิน ของแต่งบ้านไอเท็มฮิตก็หนีไม่พ้นเจ้า hot wine และขนมปังอันนี้ มื้อแรกของทริปเราก็ซื้ออาหารในตลาดนี้กินแหละคะ ทุกๆชั่วโมงที่โบสถ์จะมี show ด้วย เมือท้องอิ่มแล้ว มาถึงเราก็เริ่มเที่ยวกันเลยคะ ที่แรกที่เราจะไป คือ Széchenyi Thermal Bath เป็นโรงอาบน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากๆ เปิดมานานกว่าร้อนปี และว่ากันว่าเป็นโรงอาบน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จริงๆที่บูดาเปสต์เค้าดังมากนะ เรื่อง thermal bath เราก็แบบว่าไหนๆก็มาแล้ว ขอลองเป็นประสบการณ์ซักครั้ง 
การเดินทาง ก็ใช้นั่งรถไฟใต้ดินเอา ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวที่สถานีได้เลย นั่ง M1 มาลงที่ Szechenyi furdo ถึงเลย
ตอนมาถึงคือ ออกมาจากสถานีแล้วเงียบมาก มืดมาก แต่ก็เช็คมาหละนะว่าปิด 4 ทุ่ม แต่ด้วยความที่มืดเร็ว มันก็ดูเปลี่ยวๆน่ากลัวอยู่ สำหรับผู้หญิงสองคนมาก ...แต่ก็เห็นคนเดินเข้าเดินออกตลอด ก็เลยเบาใจขึ้น เข้าไปก็ซือตั๋วเลย ราคาจะ vary นะคะ ขึ้นกับวัน อย่างที่เราไป เป็นคืนวันศุกร์ ก็จะราคาคนละ 4900 FT ถ้าเสาร์อาทิตย์ก็แพงขึ้นนิดนึง พอจ่ายตังค์เค้าก็จะใช้เป็นสายเหมือนนาฬิกามา ซึ่งใช้เข้าออก และก็เป็นที่ล็อคล็อคเกอร์ของเรา ใครไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมา ที่นี่เค้าก็มีบริการให้เช่าด้วย ลงไปด้านล่าง ก็จะมีห้องล็อคเกอร์เพียบ ก็นะ เปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของกันตรงนั้น อย่าเขิลคะ อย่าเขิล เจอกันแค่ครั้งเดียว ก็ถอดเปลี่ยนกันตรงนั้นเลย >< วิธีการใช้ล็อคเกอร์ ก็คือใช้สายนาฬิกาที่เค้าให้เรามากดนะคะ มันก็จะล็อคให้ แล้วก็จะมีที่สแกนนาฬิกาข้างหน้าให้เพื่อกันลืมว่าล็อคเกอร์เราเบอร์ไหน
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ขึ้นไปลุยกันคะ จังหวะที่เดินออกจากตัวอาคารไปยังสระ ที่หนาวมาก เบาๆอากาศ -5 องศาเอง แทบจะรีบโดดลงน้ำ ...ลงไปปุ๊บอุ่นเลย สบ๊ายสบาย เหมือนแช่ออนเซ็น outdoor หน้าหนาวอ่ะ อารมณ์เดียวกัน
สระแบ่งออกเป็นสองด้านนะคะ ด้านนี้เป็นประมาณน้ำวน ถ้าเดินทวนน้ำจะลำบากมาก ฝรั่งเค้าก็จะเล่นกัน เหมือนเข้าไปอยู่ในวนๆนั้น แล้วก็จับต่อๆกันไป....ในน้ำก็จะมีน้ำพุด ช่วยนวดตัวด้วยให้รู้สึกสบายขึ้นไปอีก อีกด้านนึงจะเป็นเหมือนสระว่ายน้ำเลย แต่ไม่ค่อยมีคนไปใช้แหะ เท่าที่สังเกต เหมือนเรากะเพื่อนจะเป็นสองคนที่หน้าเอเชียที่มาที่นี่ 555 นอกนั้นฝรั่งล้วนๆ....แต่ก็ได้ feeling ไปอีกแบบดีเหมือนกันนะ อากาศหนาวขนาดนี้มาอาบน้ำอุ่น สบายตัว แทบไม่อยากจะขึ้นเลย แต่พอตอนขึ้นก็ต้องรีบวิ่งเลย เพราะหนาวมาก 
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินไป Hero's square ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ปรากฏว่าระหว่างเดิน ก็เห็นลานไอซ์สเก็ตใหญ่มาก น่าเล่นสุดๆ ใกล้ๆกัน มีปราสาทไรก็ไม่รู้ก็สวยดี เดินมาอีกนิดก็ถึง Hero's square ของจริงมันใหญ่โตมาก ที่นี่ ชื่อภาษาไทยเค้าเรียกว่า จัตุรัสวีรบุรุษ สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบพันปีของประวัติศาสตร์ชนชาติฮังการีเมื่อี 2002 ที่นี่เอง  UNESCO ได้คัดเลือกให้เป็นมรดกโลกด้วยจากตรงนี้เราก็ตัดสินใจกลับโรงแรมกลับ ไปพักเอาแรงเพื่อจะได้ไปต่อวันพรุ่งนี้ 
วันที่ 2
ตอนเช้าตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปใน St. Stephen's Basilica ก่อน เห็นว่าข้างในสวย แต่ปรากฏว่าเดินๆดูแล้วเค้าปิด ก็เลยอด เลยไปหากาแฟร้อนทานกันแทน ร้านนี้คนเยอะมาก California coffee company เห็นตั้งแต่เมื่อคืน  พอได้ลองแล้วก็ไม่ผิดหวัง ของเค้าดีจริงๆ จากนั้นเราก็จะเริ่มไปเที่ยวกันคะ วันนี้จะใช้การเดินเป็นหลักก่อน คือ เดินจากตรงโรงแรมไปยัง Széchenyi chain bridge (Széchenyi Lánchíd) จากโรงแรมที่เราพักกันถือว่าโลเคชั่นดีทีเดียว เดินไม่ไกลคะ ไม่กี่นาทีก็ถึงสะพานเชน หรือสะพานโซ่ชื่อดังของบูดาเปสต์ สะพานนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่เชื่อมระหว่างฝั่งบูดา และเปสต์เข้าด้วยกัน โดยมีแม่น้ำดานูบไหผ่านตรงกลาง เหล็กทุกชิ้นบนสะพานถูกนำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ รูปปั้นสิงโตที่ยืนเด่นอยู่บริเวณหัวสะพาน เค้าว่ากันว่าเพื่อพิทักษ์เมือง ...สะพานสองฝั่งวิวก็ต่างกัน ฉะนั้นเดินมันสองฝั่งเลยคะ :Dเมื่อเดินมาสุดปลายสะพาน เราก็จะไปต่อกันที่ Budapest Castle Hill Funicular เป็นรถรางเพื่อขึ้นยัง Buda castle อันนี้เราซื้อตั๋วแค่เที่ยวเดียวนะคะ เฉพาะขาไป เพราะขากลับเราแพลนจะเดินลง แล้วไปตรง parliament ค่าโดยสารก็เที่ยวละ 800 ftขึ้นมาถึงข้างบนก็จะเจอวิวแบบนี้ คนก็มักจะมาคอยดูทหารเปลี่ยนเวรยามกันที่ Sandor Palace นี่คะ Buda castle นี่กว้างมากอ่ะ ไม่รู้จะเริ่มเดินไงดี ก็เลยเดินตามๆคนเค้าไป ซอกซอย มุมลับเยอะมาก...ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกด้วย และในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงของฮังการี แต่สำหรับเรา highlight หลักคงเป็นจุดชมวิวโค้งน้ำตรงนี้มากกว่า ซึ่งที่นี่เห็นสถานีสำคัญๆของบูดาเปสต์หลายที่เลย เดินไปด้านหลังเพื่อจะไปยัง Matthias church ก็จะเป็นอีกด้านนึงที่เห็นวิวเมือง แต่จะเป็นบ้านคนมากกว่า ระหว่างทางเดินไป ร้านขายของกุ๊กกิ๊กน่ารักทั้งนั้นเลย ระยะทางก็เดินไปไม่ไกลมากคะ ไม่นานก็ถึง Matthias Church จุดเด่นของที่นี่ก็คือหลังคากระเบื้องโมเสกสลับสี ที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน วันที่เราไป มีคนมาแต่งงานที่นี่ด้วย มี limo ออกมารับคู่บ่าวสาวถึงหน้าโบสถ์เลยทีเดียว แต่พอตอนเจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินมา อ่าว กลับกลายเป็นคนเอเชียก่อนจะเข้าไปในโบสถ์ ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆพอดี เราจะไปกินร้าน Halaszbastya Restaurant กัน ซึ่งเราจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าผ่าน website เค้าไว้ จริงๆที่นี่จะ walk in ก็ได้ เพราะคนไม่ได้เยอะมาก แต่เห็นพนักงานบอกว่าถ้า walk in ก็จะได้นั่งเป็นที่นั่งชั้นล่าง แต่ถ้าจองก็จะได้นั่งเป็นด้านบน ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ตรงบริเวณ Fisherman's Bastion เลย มีด้วยกันสองส่วน คือ ร้านกินเล่นๆธรรมดาเน้นขนมกาแฟ กะร้าน fine dining ร้านนี้ที่เราจะไปทานมื้อเที่ยงกัน
เข้ามาภายในร้าน พนักงานต้อนรับดีตั้งแต่แรก ตั้งแต่ขั้นตอนฝากโค้ทกันเลยทีเดียว...ขึ้นมาชั้น 2 ก็จะเป็นโต๊ะประมาณนี้  private พอสมควร วันที่เราไปเห็นมีคู่นึงมาสวีทกัน เราไปกับเพื่อนสาวไม่กล้าเสียงดังเลยทีเดียว ที่เด็ด คือ วิวจากโต๊ะอาหารมาที่อาหารกันบ้างจานแรกเป็น complimentary ให้จาก chef เป็นซุปไรซักอย่างก็อร่อยดีเพื่อนเราสั่งจานหลักเป็น beef tatar ก็อร่อยดี
เราสั่งเป็นปลา อันนี้อร่อยทีเดียว นิ่มนวลค่าเสียหายมื้อนี้ 58.14 euro หรือ 16279 ft เนื่องจากแลกเงินมาน้อย เลยจ่ายเป็นยูโรแทน ><จากนั้นเราก็ออกมาเดินตรงFisherman's Bastion หรือป้อมชาวประมง ติดๆกับร้านอาหารนั่นแหละ เสียดายมาก ช่วงนี้ปิดซ่อมไปซะเยอะ จริงๆตรงนี้วิวดี และสวยมากเลยFisherman's Bastion เป็นแนวกำแพงที่อยู่รอบโบสถ์ Matthias Church มีทั้งหมด 7 ป้อม เพื่อเป็นตัวแทนของชนเผ่าฮังการีทั้ง 7 เผ่าที่ช่วยรวบรวมฮังการีให้เป็นปึกแผ่นในอดึต ป้อมชาวประมงถูกสร้างเพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงขึ้นไปด้านบนก็เห็นวิวประมาณนี้เราเลยเดินกลับไปที่โบสถ์Matthias Church ใหม่ เพื่อซื้อบัตรเข้าชมด้านใน ด้านในก็สวยดีนะคะ  ค่าเข้าชมคนละ 1000 FT 
อันนี้เป็นบริเวณด้านล่าง

ขึ้นมาด้านบน ก็มีเหมือนเป็น museum อยู่ มี บัลลังค์ มงกุฏของคิงแล้วก็มีที่ observe สำหรับเวลาทำพิธีอีกด้านนึงของชั้น 2 ออกมาจากโบสถ์ ด้านหน้ามี holy trinity square ตั้งอยู่ ที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสิ้นสุดลงของโรคระบาดทั่วยุโรปในปี 1713เดินๆไปเจอฝาท่อ budapest ด้วย จากนั้นก็ได้เวลาของหวานกันคะ เป็นร้านท้องถิ่นชื่อดัง เดินจาก holy trinity square ตรงๆไปด้านหลังไม่ไกลก็เจอร้าน Ruszwurm Cukrászda เป็นร้านกาแฟและเค้กที่เก่าแก่ที่สุดในบูดาเปสต์ ตอนเราไปคนเยอะทีเดียว ยืนรอกันแน่นร้านน้องๆ after you บ้านเราเลย ระหว่างรอคิวก็เล็งขนมในตู้กว่าจะได้โต๊ะ ก็นานอยู่คะ แต่คุ้มกับเวลาที่รอ เค้กช็อคโกแลตอร่อยเลย ส่วนช็อคโกแลตร้อนคาราเมลก็อร่อย จากนั้นก็เดินกลับมาทาง Fisherman's Bastion เพื่อเดินลงด้านหน้า จำได้มั้ยคะ ขามาเราขึ้นรถราง ตอนนี้ลงแล้ว เราใช้เดินลงเอา โดยให้ search เป้าหมาย คือ Batthyány tér M+H เพราะเป็นตำแหน่งที่เราดูจากใน map แล้วมันคือ ฝั่งตรงข้าม Hungarian Parliament Building พอดี แล้วเดี๋ยวเราก็จะนั่งรถไปเที่ยวต่อที่อื่นด้วย 
อันนี้เป็นวิวระหว่างทางลง  ตอนเดินลง เหมือนจะไกล แต่ก็พอไหวคะ เพราะเป็นทางลาดลงก็เลยเดินสบาย แล้วเส้นทางก็แลดูเป็นบ้านคนที่เงียบสงบมาก เดินๆไปแทบไม่เจอคนอื่นเลย ยังสงสัย วันเสาร์เค้าไปไหนกัน หรือว่า หนาว เลยอยู่กันแต่ในบ้านลงมาถึงด้านล่างก็จะเห็นวิวอาคารรัฐสภา Parliament ที่ยิ่งใหญ่ อาคารนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในฮังการีและก็ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรเลย ยอดโดมสีแดงสไตล์นีโอ เรอเนสซองส์ถือเป็นจุดเด่นของที่นี่ นี่เราเดินลงไปถ่ายใน pier ที่เค้าใช้เป็นจุดโปรโมตประเทศในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก คือ เพราะดูแล้วถ่ายจากตรงอื่นก็จะติดโน่นติดนี่เยอะเหมือนกัน เราอยู่ตรงนี้ตอนจังหวะพระอาทิตย์ตกพอดี พอเปิดไฟแล้วสวยขึ้นไปอีก
แม่น้ำดานูบ สีสันยามค่ำคืนของบูดาเปสต์ช่างมีเสน่ห์มากมายจากนั้นเราก็กลับมาที่สถานีรถคะ เพื่อจะนั่งรถรางไปต่อ อันนี้ซื้อเป็นตั๋ว one day trip เลยแบบ 24 hours กดได้ที่ตู้แถวนั้น เดี๋ยวเราจะไปดูวิวกลางคืนกันต่อที่ Citadella วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด คือ เดินน้อยสุด ก็คือ การนั่งจากBatthyány tér M+H โดยใช้รถเมล์สาย 41 หรือ 19 ไปลงที่ Móricz Zsigmond körtér M จากนั้นไปเปลี่ยนเป็นสาย 27 เพื่อไปลงที่ Búsuló Juhász (Citadella) ...รับรองว่าเส้นทางนี้เดินน้อยสุด เพราะถ้าไปทาง google map บอกตรงๆนี่เดินเป็นสิบนาที เพราะมันจะพาไปสายรถเมล์ที่ไม่ได้ขึ้นเขาอ่ะ 
นั่งๆรถจะไป Citadella แต่ผ่าน Széchenyi chain bridge เลยชวนเพื่อนโดดลงมาถ่ายรูปวิวกลางคืนก่อน จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาอีก แสงกลางวันที่เรามากันตอนเช้าก็ว่าสะพานสวยแล้วนะ กลางคืนยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ จากนั้นเราก็ไปกันต่อตามเส้นทางที่บอกข้างบน พอลงรถเมล์แล้วเดินต่ออีกหน่อยขึ้นไปบนเดิน มีสวนสาธารณะ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีจุดชมวิวอยู่ได้ เพราะระหว่างทางมืดมาก แต่ก็มี 555... Citadella อยู่บนยอดเขา Gellert hill แต่ตอนไปอย่า search ใน google map ว่าไป gellert hill นะ มันจะพาไปอีกจุดนึงที่ไม่ใช่จุดชมวิว
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดใน budapest  มีอนุสาวรีย์ citadella หรือ เทพีสันติภาพของฮังการีตั้งอยู่ สูงมากๆ วิวจากจุดชมวิวคะ โค้งของแม่น้ำดานูบและสะพานที่ทอดผ่าน ประเทศนี้เค้าไม่มีประหยัดไฟ ทำให้ค่ำคืนในบูดาเปสต์สวยและน่าจดจำจริงๆ เดี๋ยวตอนหน้า เราจะไปเที่ยวเวียนนากันคะ