29/6/57

รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 13) : Day 11 มูราโน (Murano) บูราโน (ฺBurano) และล่องกอนโดลา (Gondola) ในเวนิส (Venice)

ความเดิมตอนที่แล้ว


รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 1) : เตรียมตัวเที่ยว Italy ด้วยตนเอง
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 2) : ที่พักใน Italy 
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 3) : Day 1 ประสบการณ์การบินกับ Airfrance และการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองที่โรม (Rome)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 4) : Day 2 When in Rome (โรม)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 5) : Day 3 Vatican (วาติกัน) และ Fontana di Trevi (น้ำพุเทรวี่)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 6) : Day 4 เก็บตก Rome (โรม) 
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 7) : Day 5 ฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองหลวงของ Tuscany
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 8) : Day 6 ช็อปปิ้งที่ The Mall Outlet และเมื่อโลกมันเอียงที่ปิซ่า (Pisa)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 9) : Day 7 Hiking Tour 5 หมู่บ้านที่ Cinque Terre
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 10) : Day 8 Siena (เซียน่า) และเก็บตก Florence (ฟลอเรนซ์)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 11) : Day 9 Museum day in Florence (ฟลอเรนซ์) 
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 12) : Day 10 Venice (เวนิส)
วันนี้ตามแผนเดินเราตั้งใจจะไปเที่ยวเกาะมูราโน บูราโนกันคะ แต่ก่อนจะไปขอล่องแกรนด์คาแนล ชมวิวของเวนิสซักรอบนึง  ที่นั่งที่ดีสำหรับการนั่งเรือเมล์ หรือ Vaporetto จะอยู่ด้านท้ายเรือคะ ถ้าเวลาปกติคนจะเยอะ ตอนเช้าๆคนยังไม่เยอะเท่าไรยังพอมีที่นั่งบ้าง เลยขอโอกาสชมวิวซะเลย ฮ่าๆ เสียดายไม่ได้นั่ง Taxi boat ไม่ง้านจะได้ฟิลว่าเป็นนางเอก 007 Casino Royale :P 
การจราจรใน grand canal วุ่นวายอย่างที่เห็น
 
 
 
 
เราจะไปลงที่ท่า Fondemente Nuove เพื่อนั่งสาย LN or N ไปยังเกาะ murano กัน เกาะมูราโนนี้ขึ้นชื่อด้านร้านขายแก้ว ท
นั่งเรือที่นี่จริงๆมันก็มีตารางเรืออะนะว่าอะไรออกเวลาเท่าไร แล้วใช้ระยะเวลาการเดินทางกี่นาที แต่เราดูไม่ค่อยเป็นอะ เลยมั่วๆเอาเป็นว่าถึงที่หมายก็พอ ....นั่งเรือออกมานานพอควรเหมือนกัน เรามาลงกันที่ท่า Murano - Museo ลงปุ๊บก็เห็นวิวนี้
จากท่าเรือเราเดินลัดมาทางขวามือเรื่อยๆข้ามสะพานไปก็จะเจอที่ขายของ ร้านค้าจะอยู่สองฝั่งคลองเลย
 
เราก็จะเจอสัญลักษณ์ประจำเกาะ แก้วเป่าขนาดใหญ่
 
ร้านขายแก้วมูราโนเยอะจริงๆ ที่นี่มีหลายระดับราคามาก ตาดีได้ตาร้ายเสีย เราก็เลือกไม่เป็นเหมือนกัน หลายๆร้านจะติดป้ายบอกหน้าร้านเลยว่าเป็นแก้วที่ทำที่มูราโน่จริงๆ ไม่ได้ทำจากเมืองจีน
 
จากนั้นเราจะไปกันที่ Museo del Vetro เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องแก้ว ไอ้เราก็เดินหาอยู่นานไม่เจอ จนต้องถามร้านค้าว่าไปทางไหน ปรากฏว่าเดินมาผิดทาง อย่างตอนลงท่าเรือเราเลี้ยวขวามาโซนขายของนี้เลย แต่ถ้าไปพิพิธภัณฑ์ต้องเดินเลี้ยวซ้ายไป หาไม่ยาก
 
ค่าเข้าชม 5 ยูโร เค้ามีพักเบรกตอนเที่ยงเหมือนกัน ถ้าไปไม่ทันรอบก็ต้องรอ
ข้างในก็จะจัดโชว์เครื่องแก้ว ตามการพัฒนาในยุคต่างๆ
 
 
 
 
 
อันอื่นเฉยๆ เราว่าอันนี้สวยสุดเลย อลังการ จำลองเหมือนเป็นวัง รายละเอียดเป๊ะดี
 
อื่นๆใน museum
 
 
จริงๆเข้ามาที่นี่หวังจะเห็นการสาธิต วิธีการทำเครื่องแก้วจริงๆ แต่ปรากฏว่าไม่มี ส่วนไอ้เครื่องแก้วที่โชว์เราก็ไม่ค่อยอินกะงานศิลป์แบบนี้เท่าไร คำแนะนำก็คือ ไม่ต้องเข้าก็ได้คะ ถ้าไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้อ่ะนะ

ไปต่อกันที่ Basilica dei SS Maria e Donato เราไม่ได้ดูข้างใน เดินๆชมแต่ข้างนอก
นั่งพักแถวๆริมน้ำก็จะเจอเจ้านกแบบนี้เยอะแยะเลย
 
จากนั้นเราก็เดินกลับไปทางเดิมที่เราไปช็อปปิ้งในตอนแรกคะ เพื่อจะไปขึ้นเรือที่ Murano Faro stop ใกล้ๆนั้นก็จะมีพวกงานแก้วโชว์อยู่
 

จุดหมายไปทางถัดไปของเราก็คือ เกาะบูราโน เกาะนี้จะขึ้ื่อด้านงานถักลูกไม้ พอไปถึงเกาะปุ๊บก็จะเจอร้านขายผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำจากลูกไม้มากมาย
 
 
 
แต่ที่เราชอบมากสุดของเกาะนี้ และชอบบูราโนมากกว่ามูราโนก็ตรงตึกสีลูกกวาดเหล่านี้นี่แหละคะ ทั้งเมืองสีสัน colorful หมด
 
 
 
 
 
บ้านสีๆที่เห็น บางส่วนก็เป็นร้านค้า บางส่วนก็เป็นบ้านที่เค้าอยู่กันจริงๆ กำลังคิดว่าก่อนจะทาสีบ้านสงสัยต้องขอทางการก่อนรึป่าวว่าชั้นจะทาสีนี้ ห้ามซ้ำกะบ้านข้างๆอีกต่างหาก เดี๋ยวผิด theme
 

ที่สังเกตได้คือ ทุกบ้านได้รับการดูแลอย่างดี สีสดใหม่มาก ขนาดโซนที่อยู่ออกมาทางด้านนอก ที่เป็น residential จริงๆไม่ใช่ commercial ยังคุม candy theme อยู่
ที่นี่เค้าก็มี Leaning tower ของจริงมันก็เอียงอยู่นา (พยายามมองให้มันเอียง)
ร้านขายของที่ระลึกที่นี่ก็น่ารักมาก หาซื้อกันได้ ใครพลาดจากมูราโน ก็มาเก็บตกเอาที่นี่ก็ได้คะ
 
ก่่อนจะนั่งเรือกลับไปยัง San Macro ตรงใกล้ๆท่าเรือก็มีสัญลักษณ์เจ้่าตัวนี้ ไม่รู้แปลว่าอะไรเหมือนกัน
ระหว่างทางบนเรือจะกลับไป San Macro เราก็ผ่าน San Giorgio Maggiore จริงๆเรามีแผนจะมาที่นี่ แต่เนื่องจากเอ้อระเหยลอยชายนาน ทำให้กลับมาถึงเวนิสช้า แล้วฝนก็ใกล้จะตกเลยต้องตัดโปรแกรมนี้ออกไป
พอกลับมาถึงปุ๊บ เราก็นั่ง Gondola ตรงหน้าท่า San Macro นั่นเลย  ที่นี่ราคา Gondola ก็มาตรฐานนะ 80 ยูโร ต่อหนึ่งรอบ รอบนึงก็กินเวลาประมาณ 30 นาที นั่งได้สูงสุด 6 คน...แพงไปหน่อย แต่ก็อีกแหละ once in a lifetime
กอนโดลาจะยาว 11 เมตร เรือมันไม่ค่อยจะสมมาตรนัก ตอนลงไปนั่งต้องระวัง balance น้ำหนัก 2 ฝั่งให้ดีๆ ว่าแล้วเราก็ไปล่องกอนโดลากันเถอะ
เส้นทางของเราวันนี้ก็จะเป็นตรงหน้า san macro ลอดเข้าไปทาง bride of sigh วนหนึ่งรอบกลับมาลงที่หน้าท่า san macro เหมือนเดิม ตลอดเส้นทางก็ไม่มีอะไรตามภาพที่เห็น แต่เรือที่เรานั่ง กอนโดลิเยร์ไม่ให้คำแนะนำ ไม่บอกอะไรเกี่ยวกะสถานที่รอบข้าง หรือร้องเพลงใดๆ ฉะนั้นใครที่จะคาดหวังถึงความโรแมนติกในการนั่งกอนโดลาอาจจะผิดหวังได้
 

 
 
 
 
 
 
แสงสุดท้ายก่อนเราจะล่ำลาเวนิส
 
วันนี้จริงๆฝนตกด้วย ทำให้อากาศหนาวเป็นพิเศษ เป็นวันแรกที่เจอฝนจริงจังตลอดทริปที่มา ถือว่าโชคดีมาก ที่ส่วนใหญ่ฟ้าฝนเป็นใจให้ท่องเที่ยว

หิวแล้ว ฝนก็ตก แต่บ่ยั่น ไปทานมื้อเย็นกันคะ ตอนแรกจะไปกินร้าน Rosa Rossa เดินไปถึงร้านแล้วนะ แต่ปรากฏว่าเห็นร้านฝั่งตรงข้ามคนเยอะกว่าเลยเปลี่ยนใจกันตรงนั้น
เลยมาทานร้าน Trattioria Pizzeria Al Vaporetto แทน
 
 
 
คนรอแน่นจริงๆ
อาหารที่สั่ง รวมๆก็โอเคนะคือ กว่าจะกลับมาเขียนบล็อกก็ผ่านไปได้ประมาณ 2 เดือน ความจำเริ่มเลือนลางว่าจานไหนอร่อยบ้าง ><
 
 
 
 
ค่าเสียหายมื้อนี้ 72 ยูโร
Venice ในความรู้สึกเรามันเป็นเมืองที่สวยนะ แต่แบบว่าวุ่นวายไปหน่อย คนเยอะ มันเลยทำให้ความงดงามของเมืองหายไป โรแมนติกมั้ย พอดีมากะเพื่อนก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เป็นเมืองที่ถ่ายรูปออกมาตรงไหนก็สวยอะ

พรุ่งนี้เราจะย้ายไปยังมิลานแล้วคะ ....:)
รีวิว เที่ยวอิตาลี (ตอนที่ 14) : Day 12 มิลาน (Milan)