9/2/56

รีวิว เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 6 : โซล (Seoul)

ตอนนี้ เป็นตอนจบของบล็อค รีวิวพาเที่ยวเกาหลีแล้วคะ หลังจากเขียนมา 5 ตอน กว่าจะเขียนจบก็กลับมาได้ 2 เดือนกว่าๆ เราจะพาไปตะลุยในเมืองหลวงของเกาหลี นั่นก็คือ โซลกันบ้างคะ สำหรับทริปทั้ง 9 วันของเราในวันที่ 4 ของทริปเราก็กลับเข้ามาพักในโซล ไปเที่ยวที่อื่นๆซะมาก กว่าจะได้เที่ยวจริงๆก็เป็นวันที่ 8 และ 9 ของทริป ขอเล่าตอนจบโดยแบ่งหลักๆ เป็นเที่ยว-กิน-ช็อปหละกันนะคะ

เริ่มด้วยพาเที่ยวก่อน
คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon) จริงๆคลองนี้กินความยาวค่อนข้างมาก เราเลือกเดินเฉพาะจุดก็ได้คะ เพราะในยามที่ไม่ได้มีงานเทศกาล ในคลองก็ไม่มีอะไรมาก ไม่ได้สวยงามเหมือนในรูปที่เค้าถ่ายลงหนังสือกัน เดินทางก็ใช้ MRT ลงสถานี Gwanghwamun ออกทางออก 5 ได้เลย
 จุดที่แนะนำให้เดินตรงคลองชองเกชอน คือ ตรงชองเกพลาซ่า ตรงนี้จะมีเขื่อนน้ำตกอยู่่
และ เดินขึ้นไปตรงต้นคริสต์มาสจะเป็นจตุรัสชองเก ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ  ตรงนั้นจะมีสัญลักษณ์ คือ เจ้าหอยหลอดอันใหญ่อยู่ (สูงมาก)
ใกล้ๆกันฝั่งตรงข้ามถนน เราเจอสถานีโทรทัศน์ A channel เค้าถ่ายรายการอยู่พอดี คนมุงดูกันเพียบ แต่ไม่รู้จักหรอกดาราคือใคร ^^"
เดินย้อนมาอีกทางจะเป็นทางเลียบคลอง มีสะพานควังทงเกียว ซึ่งมีการแสดง digital canvas (ไม่ต้องดูก็ได้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น)
ต่อไปสถานที่ที่เป็น landmark ของเกาหลีที่เป็น a must ต้องมาก็คือ พระราชวังเคียงบก (Gyeongbok palace) เดิน ทางโดยใช้ MRT ลงสถานี Gyeongbokgung ออกทางออaก 5 เรามาถึงราวๆ 11 โมงได้ โชคดีมากที่ได้เจอเค้ากำลังเปลี่ยนเวรราชองครักษ์ที่ประตูควางฮวามุนพอดี
ราชองครักษ์จะยืนนิ่งมาก ไม่ว่าเราจะไป act ท่าถ่ายรูปกับเค้ายังไง พี่เค้าก็ยืนนิ่งสุดๆ
เคย ไปดูเค้าเปลี่ยนเวรที่ Buckingham ช่างต่างกับเคียงบกมากตรงที่ที่นี่ใกล้ชิดกว่าเยอะมาก ไม่มีรั้วมากั้น แต่ที่โน่นก็ grand กว่านะตอนเปลี่ยนเวร แต่ที่เหมือนกันก็คือพี่องครักษ์ยืนเก๊กนิ่งมากเหมือนกัน :P

ใกล้กันจะเป็นจตุรัสควางฮวามุน (Gwanghwamun Plaza) ซึ่งจะมีพระบรามราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าเชจงและอนุสาวรีย์แม่ทัพลีซุนซินตั้งอยู่
วัน ที่ไปโชคร้ายหน่อยคนเยอะมาก เนื่องจากมีการปราศัยหาเสียงใหญ่สำหรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งทีมคนเสื้อแดง ผู้หญิงนี่แหละที่ชนะการเลือกตั้งในที่สุด
จากนั้นเดินมั่วๆไปประตูชัย (เดินไปไกลมาก ซึ่งตัดโปรแกรมนี้ไปก็ได้คะ ตอนแรกนึกว่าใกล้กับเคียงบก พอเดินจริงไกลมาก)
จากนั้นไปต่อกันที่ โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower) เดินทางโดย mrt มาลงที่สถานี Myeong-Dong เราไปถึงก็จะเห็นมีรถตู้พาขึ้นไปยังโซลทาวเวอร์ จริงๆไม่รู้หรอกคะว่ามี พอลงสถานี หน้าตาเราคงออกแนวเป็นนักท่องเที่ยวจัด คนขับรู้ตู้ก็ถามไปโซลทาวเวอร์รึป่าว ใช่ๆ ก็พาให้ขึ้น เป็นบริการฟรี ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานมาก ทำให้เราไม่ต้องเดินขึ้น พอไปถึงก็ซื้อตั๋วเพื่อนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไป
เรา ไปถึงตอนเย็นแล้ว เลยเห็นแต่วิวกลางคืน ถ้าใครไปบ่ายๆเย็นๆก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็คงจะดี จะได้แสงทั้งกลางวันและกลางคืน ด้านนอกก่อนซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไป teddy bear museam และ observatory จะมีเป็นบริเวณ lock of love กุญแจ หัวใจอยู่ที่นี่เพียบ ส่วนเรามากะเพื่อนสาวได้แต่มองหลายๆคู่ตาปริบๆ
จาก นั้นก็ซื้อตั๋วอีกรอบเพื่อไปชม Teddy bear museam และจุดชมวิวด้านบน
ตอนนี้พิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์แบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกจะเป็นแนวๆประวัติศาสตร์
ส่วนโซนที่สองจะเป็นโซนยุคปัจจุบัน ใครชอบน้องหมีคงจะชอบ น่ารักมากๆๆๆๆ
จุดชมวิว ถ่ายรูปมากพอเป็นกลางคืน ไฟสะท้อนกระจกหมด เสียใจ ;(
เดินออกมาถ่ายรูปด้านนอกบ้าง
พาเที่ยวแล้ว พาไปช็อปกันบ้าง

เริ่มด้วยเมียงดง (Myeong-dong market) เดินทางก็ใช้ mrt ลง Myeong-dong station ได้เลย ...นึกว่าเป็นอีกจังหวัดของคนไทย คนไทยเยอะมาก แถมร้านค้าต่างๆก็พูดไทยกันได้คล่องปรื๋็อ สาวๆคงเดินที่นี่กันได้ทั้งวัน ครบหมดเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับต่างๆ หิวๆก็มีอาหารข้างทางเพียบ ที่นี่ปิด 4 ทุ่มนะคะ ตลาดเมียงดงมันจะเหมือนสยามบ้านเราเป็นซอยๆ เดินวนๆไปมา ร้านดังๆบางร้านก็มีหลายสาขาในเมียงดงเอง
สาวก etude skinfood ถ้าเตรียม list ซื้อของก็ยื่นให้คนขายเลยก็ได้ เธอจะโปรมากในการจัดของให้เรา อ่อ ถ้าซื้อที่เมียงดงนี่จะต้องไปขอ tax refund อีกทีที่สนามบิน ก็อย่าลืมขอเอกสารมาด้วย สาขานี้เนื่องจากคนเยอะ พวก sample ที่ให้เนี่ยก็จะน้อยตามไปด้วย (แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี) ของที่นี่ถ้าเป็นตามร้านต่างๆที่ไม่ใช่แบรนด์ก็ต่อราคาได้

อีกจุดนึงที่น่าไปช็อปมากๆ ก็คือ Dongwha Duty Free shop จริงๆตอนไปเคียงบก คลองชองเกชอนแวะมาช็อปที่นี่ต่อเลยก็ได้ใกล้กันมากๆ ขึ้นชื่อว่า duty free สาวๆก็ละลายแล้ว ช็อปกันตามอัธยาศัยมาก  ราคาที่นี่จะคิดเป็น $ โดยเค้าจะให้เราเลือกตอนจ่ายเงินว่าจะจ่ายเป็น $ หรือ บาท จากบิลที่ตามเก็บมาเหมือนว่าถ้าเลือกเป็น $ จะถูกกว่านิดนึง (ขึ้นกับบัตรเครดิตที่ใช้ด้วย)

ที่นี่ก็มีให้เลือกช็อปได้ครบหมด เครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของฝากต่างๆ ราคาพวก etude skinfood นี่ถูกกว่าข้างนอก แถวเป็น duty free แล้วไม่ต้องไปทำเรื่องของ tax คืน ส่วนแบรนด์เกาหลีที่แนะนำก็ sulwhasoo...น้ำหอมที่นี่จะมีโปร แบบซื้อ 1 ขวดลด 15% 2 ขวดลด 20% 3 ขวดลด 25% ก็วางแผนการซื้อกันดีๆคะ...พวกแบรนด์ต่างๆ ถ้าไปตอนเค้าจัดโปรโมชั่นก็มีลดราคาเพิ่มอีก...ของกินที่ hothit ที่คนมักจะซื้อไปก็คือ market O brownie ซึ่ง packaging มันจะน่ารักมาก (แต่รสชาติก็เฉยๆ) อย่าแปลกใจถ้าข้างนอก market o ถูกกว่า เค้าบอกช็อคโกแลตคนละเกรดกัน (โอ้ว มีงี้อีก) แล้วก็สาหร่าย สาหร่ายอันที่เป็นผงๆที่เอามาโรยข้าวนี่อร่อยมากๆ แนะนำๆ

ของถ้าเป็นพวกเครื่องสำอาง น้ำหอมแบรนด์นอกนี่ไปรับของที่สนามบินคะ ส่วนแบรนด์เกาหลีนี่ก็หิ้วกลับไปได้เลย เรามั่นใจว่าสาวๆมาช็อปที่นี่จะเพลินมากๆ

อีกย่านนึงที่น่าไปช็อปก็คือ ตรงมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) เดินทางก็ลงสถานี Hongik Univ ได้เลย แถวนี้น่าจะเป็นนักศึกษาเดินเยอะ คนจะวัยรุ่นกว่าตรงเมียงดง ของจะเก๋ๆกว่า แต่ราคาก็แพงกว่า แถมต่อไม่ค่อยได้ด้วยคะ

จุดซื้อของฝากกลับบ้านก็คือ supermarket นั่นเอง เราไปซื้อที่ E-Mart - Yongsan Branch ลง Mrt สถานี Shinyongsan แนะนำให้แวะก่อนบินกลับคะ มาซื้อสตรอเบอรี่กลับบ้าน สตรอเบอรี่เกาหลีนี่ลูกใหญ่และหวานมากๆ ปลื้มๆ สมกะที่ขนกลับมา ลองซื้อบลูเบอรี่กลับมาก็อร่อย ส่วนขนมอื่นๆก็ซื้อได้ที่นี่เช่นกัน อ่อ โซจู ก็ซื้อกลับมาฝากได้นะคะ :)

พาไปกินกันบ้าง
ร้านอาหารแถวที่พัก (Hotel rainbow ที่รีวิวไว้ในตอนแรก) นี่อร่อยหลายร้านมาก เริ่มด้วยเนื้อย่างเกาหลี ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกะซอยที่พักโรงแรม ได้กินเนื้อย่างมื้อนี้ ถือว่าฟิน มาถึงเกาหลีแล้ว :P
 
 
 ร้านที่ติดกับโรงแรมที่พักเลย ร้านนี้จะบ้านๆแต่อาหารใช้ได้ ไม่แพงด้วย คุณลุงเจ้าของร้านก็ใจดี

หน้าปากซอยมีร้านไก่ทอดที่เด็ดมาก ดูหน้าร้านเหมือนจะเป็นร้านเล็กๆ พอเข้าไปร้านใหญ่พอควร เขียนถึงแล้วอยากกินอีก 
เกาหลีเป็นประเทศที่ร้านกาแฟเยอะมาก และ chain นึงที่เราว่าอร่อยมากก็คือ Hollys coffee มี sweet potato latte ด้วย อร่อยมาก ใครชอบทานมันญี่ปุ่นคงจะชอบ 
อีกร้านนึงที่เราฝากท้องไว้เสมอยามเช้า คือ paris baguette
สำหรับร้านนี้ ไปเพื่อถ่ายรูปไม่เน้นรสชาติ T_T นั่นก็คือ Kitty cafe ร้านนี้อยู่ในย่านฮงอิก แวะไปตอนไปเดินแถวนั้นได้คะ ใครชอบ kitty เหมือนเราคงชอบ เพราะมันคิตตี้มากๆๆ
อีกร้านนึงที่ไปทานในเมียงดง เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้ แถวทางก็ซอกแซกมาก แต่อร่อยดีคะ จริงๆอาหารเกาหลีอร่อยเกือบทุกร้านเลย ชอบๆ
พากิน-เที่ยว-ช็อปจนครบ ก็ได้เวลากลับกทม.กันซะที  คำเตือน เดี๋ยวนี้กระเป๋าที่ขึ้นเครื่องที่เคร่งขึ้นมาก ใบที่โหลดนี่ได้แค่ 25 กก. แต่ไปกลับเพื่อนหลายๆคนก็แชร์น้ำหนักกันได้ ที่สำคัญคือ ต้อง wrap เป็นใบเดียวนะคะ ส่วน carry ก็ตามสะดวก ส่วนเรากลับกระเป๋าตุงทีเดียว น้ำหนักตอนมาแค่ 16 กก. ขากลับนี่ปาไป 26 กก. (ไม่นับ carry อีก 7 กก) ขนอะไรกลับมามากมายหนอ o_O
เผื่อเวลาไปถึงสนามบินก่อนหน่อยก็ดีคะ คนเยอะเชียว ใครจะขอ tax refund คืนก็กินเวลาหน่อย ใครที่ช็อปปิ้งที่ duty free ไว้ก็อย่าลืมไป pick up ด้วย

ที่เกาหลีนี่เค้าชาตินิยมมาก รู้สึกได้ อย่างโทรศัพท์ก็เห็นคนใช้ samsung ซะเยอะ ที่สนามบินก็มีโชว์วัฒนธรรม
รวมๆแล้ว สนุกนะคะกลับทริปนี้ แม้อากาศจะหนาวไปมาก เจอหิมะเยอะขนาดนี้ก็เป็นอุปสรรคกับการเที่ยวเหมือนกัน ได้เที่ยวทั้งส่วนที่เป็นภูเขา ทะเล และเมือง เที่ยวเองแพงกว่ามาทัวร์ชัวร์แต่ก็ได้เที่ยวตามใจชอบ ช็อปปิ้งเครื่องสำอางสนุก ถูกมาก ยิ่งเทียบกะราคาที่เอาเข้ามาขายในประเทศไทย อาหารอร่อย เปรมมากทุกมื้อ เที่ยวก็ไม่ลำบากมาก แม้เค้าจะพูดภาษาอังกฤษกันได้ไม่มาก แต่เห็นได้ชัดว่ามีน้ำใจเต็มใจช่วยเหลือ อ่อ คนเกาหลี เราว่าเค้าไม่ได้หน้าตาดีมากนะ โดยเฉพาะผู้ชาย ฮือๆ โดยซีรี่ย์เกาหลีหลอก หลายคำถามมักจะถามว่าซื้ออะไรฝากดี คำตอบของเราคงเป็นเครื่องสำอาง สาหร่าย และสตรอเบอรี่คะ....ไว้จะกลับมาเที่ยวอีก ถ้ามีโอกาส มีต่างฤดูออกไปคงให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน 

รีวิวตอนก่อนๆตามอ่านย้อนได้ที่นี่คะ 
ตอนที่ 1 : เตรียมตัวและรีวิวโรงแรมที่พัก
ตอนที่ 2 : ซกโซ (Sokcho) โซรัคซาน (Soraksan) 
ตอนที่ 3 : Yongpyong Ski Resort (ยงเพียว) และ ฟาร์มแกะ Daegwallyong  
ตอนที่ 4 : เกาะนามิ (Namiseom) และ Everland (เอเวอร์แลนด์) 
อนที่ 5 : ปูซาน (Busan)      

See you again, Korea ^__^