31/12/56

Movie 2013 (in my view)

บล็อคนี้เป็นบล็อคที่เขียนนานมากกกก ใช้เวลาถึง 1 ปี เพราะต้องรอดูหนังให้จบครบ 1 ปีก่อน :D ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่เขียน movie review ของเรา (ย้อนอ่านของปี 2012 และ 2011 ได้คะ)
 
สำหรับปี 2013 ดูหนังน้อยไปกว่าปีก่อนๆมาก ทั้งปีดูไป 43 เรื่อง เฉลี่ยน้อยกว่า 1 เรื่องต่อสัปดาห์ T_T แต่เหมือนจะมีหนังที่ชอบมากอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว เป็นปีที่จัดอันดับ Top 5 ในดวงใจได้ยากมาก ก่อนที่จะไปดู Top 5 ไปดูกันก่อนว่าเราดูเรื่องอะไรไปบ้าง
Ps. ***** ด้านหลังหมายถึง rating ความชอบส่วนตัวสำหรับหนังเรื่องนั้นๆ เต็ม 5 ดาว

  1. Cloud atlas เป็นหนังที่สุดยอดมากๆ ประทับใจมาก จินตนาการและการผูกเรื่องล้ำเลิศมาก ต่างชาติต่างภาพ ตัวละครเดิมในบริบทที่เปลี่ยนไป อาจจะไม่เข้าใจประเด็นทั้งหมด แต่ถือว่าดูแล้วสนุก ได้ข้อคิดมากๆ *****
  2. Gangster Squad เดาเรื่องได้ แต่ดูได้เรื่อยๆ ลุ้นตามเป็นระยะ ที่ชอบ คือ chemistry ระหว่าง Ryan Gosling และ Emma Stone เข้ากันได้ดีมากๆ ***
  3. Upside down เป็นหนังที่ภาพสวย แต่ตอนดูห้ามคิดถึง logic มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบ ชอบมุมมองความรัก ใครชอบหนังโรแมนติกก็น่าจะชอบนะ การที่ใครคนนึงทำเพื่ออีกคนนึงได้มากขนาดนี้มีจริงมั้ย ความรักมีพลังเหนือข้อจำกัดต่างๆจริงๆ ***
  4. Les Miserables เป็นหนังที่เฝ้ารอมานานและไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ไม่เคยดูภาคก่อน แล้วก็ไม่เคยดู musical show เรื่องนี้มาก่อน แต่ชอบหนังสไตล์นี้มากๆ เรื่องนี้ร้องกันสดๆตอนถ่ายทำด้วย บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด นักแสดงแต่ละคนเล่นได้ดีมาก เด่นสุดคงต้องยกให้ Anne Hathaway เป็น Fantine ที่น่าสงสารมาก ออกมาเล่นไม่กี่ฉากแต่เล่นได้ grand มากๆ อีกหนึ่งคนที่เราชอบคือ  Samantha barks ร้อง on my own ได้สุดๆ (อินเป็นพิเศษ) แต่ฉากที่ทำให้เราร้องไห้กลับเป็นท้ายของเรื่อง คือ ตอน Valjean ใกล้ตายในเก้าอี้ในโบสถ์ น้ำตาไหลพราก ออกจากโรงแล้วยังร้องไห้อยู่เลย ชอบมากเรื่องนี้สรุป ***** 
  5. Zero Dark Thirty เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีใจที่ไม่พลาด เป็นการตามล่าหาตัวบิน ลาเดน เหตุการณ์ 911 ใครชอบหนังแนว terrorist cia american จ๋าๆน่าจะชอบ เราชอบที่มัน based on true story ลุ้นตลอดเรื่อง Jessica Chastain สุดยอดมากเรื่องนี้ ***** 
  6. Warm bodies เป็นหนังที่เข้าฉายช่วงวาเลนไทน์ที่เหมาะจะไปดูมาก R เป็นซอมบี้ที่อบอุ่นจริงๆ ดูไปยิ้มไป เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก แต่เห็นสิ่งที่ซอมบี้ทำให้กับนางเอกแล้วรู้สึกอบอุ่นสมชื่อเรื่อง ดูได้เพลินๆ ***
  7. Silver linings playbook เรื่องนี้ดูแล้วนึกถึง The perks of being wallflower เหมือนกัน มีบางส่วนที่คล้ายๆกัน คือ คนที่มีปัญหาทางจิต กับความรัก แต่ต่างกันตรงที่เรื่องนี้เฉลยที่มาตั้งแต่ต้น เนื่อเรื่องตอนแรกเราเฉยๆ มาชอบตอนท้ายๆเรื่องมากกว่า Jennifer Lawrence ชนะทั้ง Golden Globe และ Oscars จากบทนี้ นางเป็นคนที่ทำให้เนื้อเรื่องมีสีสันขึ้นมากจริงๆ ชอบตรงรักที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือกัน ทำให้โลกของอีกคนนึงเปลี่ยนแปลงไป ****
  8. The chronicles of mother เป็นหนังญี่ปุ่น สไตล์ที่ดูแล้วฟิลกู๊ด แต่เล่าเรื่องเรียบๆไปหน่อย ดูแล้วง่วงเหมือนกัน จริงๆเรื่องนีไม่เศร้าเท่าไร เล่าเรื่องในเชิงสัญลักษณ์มากอยู่เหมือนกัน ความรักของแม่นี่ unconditional love จริงๆ แม้จะแสดงออกในรูปแบบที่เหมือนไม่ได้รักก็เถอะ ผู้หญิงที่เล่นเป็นคุณย่าเก่งมาก *** 
  9. Amour เป็นหนังฝรั่งเศส ไม่แน่ใจว่าสไตล์หนังฝรั่งเศสเป็นงี้ทุกเรื่องรึป่าว เห็นหลายเรื่องหละเป็นสไตล์บทพูดเยอะๆ เน้นดีเทลเยอะๆ แม้จะเดินเรื่องอย่างเรียบง่ายแต่ดูแล้วสะเทือนใจมาก เทรดออฟกันระหว่างความรักและจริยธรรม จะให้คนรักเราอยู่กับเราต่อไปหรือให้เค้าไปสบายจากเราไป มีหลายจุดที่ใช้สัญลักษณ์เข้ามาในการเล่าเรื่อง หนังไม่ได้บอกทั้งหมดตรงๆให้คิดเอง แต่ดูแล้วไม่อยากแก่เลย จิตตกหลายฉากมาก (และตกใจด้วย) คนแก่ทั้งสองคนเล่นได้ดีมาก  ****
  10. Flight ดีใจมากๆที่ไม่พลาดเรื่องนี้ Dansel Washington เล่นได้เจ๋งมาก ชอบทุกอย่างของเรื่องนี้เลย บทมันดูดิบดี แรง ตรงประเด็น เล่นกับจิตใจของคนว่าคนเราจะก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของตัวเองได้หรือไม่ กล้าเปลี่ยนหรือไม่ บ่อยครั้งที่เราทำอะไรไม่ดี เราโทษคนอื่่น หรือแม้กระทั่งโทษว่ามันเป็นชะตาลิขิตของพระเจ้าที่ทำให้เป็นแบบนี้ ฮามาก ตรงที่บอกว่าถ้าเราเชื่อพระเจ้า ชีวิตเราก็ยอมรับอะไรได้ง่ายๆขึ้น ชอบตอนจบด้วย ดีที่จบแบบนี้  *****
  11. Django  เรื่องนี้ยิงกันเลือดสาดท่วมจอมาก นักแสดงที่เล่นได้ดีทั้ง jamie foxx, leonado dicaprio, christopher waltz ทำให้หนังสนุกขึ้นมามากทีเดียว plot หนังเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่ทำให้เราตื่นเต้นยันตอนจบว่าจะลงเอยอย่างไร ***
  12. Olympus has fallen สนุกดี เป็นเรื่องที่อเมริกันจ๋ามาก เดาเรื่องได้ แต่ฉากแอ็คชั่นทำให้หนังดูสนุก ดูได้เรื่อยๆ ยิงกันกระจายมาก ลุ้นตามว่าจะจบอย่างไร เรื่องนี้ได้ดาราช่วยเยอะ แต่ละคนเล่นเก่ง ชอบ Gerard Butler เล่นแนวนี้เหมือนกันนะ ปกติดูแต่ romantic comedy ****
  13. G.I. Joe : Retaliation ฉาก action / production ทำได้ดีทีเดียว ดูสนุก ยิงกันมันส์มาก แรกๆมางงเล็กน้อย แต่ดูๆไปก็เก็ต ชอบดาราที่เล่นเรื่องนี้หลายคนเลย  Lady Jaye หุ่นดีมากๆ Strom Shadow อีกคน กรี๊ดเลยซิกแพค ส่วน The rock หน้าเหมือนเดิมทุกเรื่อง ฮ่าๆ สรุปดูเอามันส์ได้เรื่องนี้ 3D ok ****
  14. พี่มากพระโขนง หนังไทยทำเงินประจำปีนี้เลย แถมสร้างประวัติการณ์ให้คนไปดูอย่างล้นหลาม ถือว่าทำกระแส built คนดูได้ดีมาก เห็นชื่อเรื่องนึกว่าหนังผี แต่เราว่ามันออกจะเป็นหนังตลกมากว่า มุกแพรวพราว สอดแทรกไปตลอดเรื่อง บางจุดก็ดูพยายามมาก หลายฉากพยายามจะให้หักมุมจากพี่มากพระโขนง(ภาคก่อนๆ)ดี...รวมๆแล้วดูสนุก มีซึ้งตอนท้าย ***
  15. คู่กรรม เป็นหนังที่ภาพสวยมาก แม้จะดูประดิษฐ์เกินไปในหลายอย่าง แล้วก็เหมือนกัน เป็นอีกเรื่องที่พยายามสร้างให้ฉีกแนวออกไปจากคู่กรรมภาคก่อนๆ มันก็เลยดูไม่ค่อยเนียนเท่าไรในบางอย่าง ที่ต้องชมเลย คือ ณเดชน์ เล่นได้ดี และน่ารักมากๆ ส่วนนางเอกใหม่ เล่นแข็งเกิน ดูแล้วขัดใจ หนังมันดูขาดๆเกินๆ แต่มันทำให้เราร้องไห้ได้มากๆ หลายฉากด้วย นี่ขนาดรู้อยู่แล้วนะว่าเรื่องจะเดินยังไง สรุปเราชอบนะ เราว่าการที่หนังทำให้เราร้องไห้ได้มากขนาดนี้ แสดงว่ามันดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชมได้มาก ****
  16. The Croods หนังการ์ตูนภาพสวย ข้อคิดดี เราว่าน่ารักดีนะ ดูได้เรื่อยๆ พาเด็กๆไปดูน่าจะดี เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ดูแล้วจะได้รักพ่อมากขึ้น ***
  17. Oblivion ถ้าดู trailer จะคิดว่าหนังจะต้องอลังการ ปรากฏว่าเข้าไปดูจริงไม่เท่าไร แถมเดินเรื่องช้ามาก ดูแล้วแอบง่วง ไม่ค่อยมีช็อตให้ตื่นเต้นเท่าไร สงสัยเพราะพล็อตหนังมันไม่ค่อยมีอะไรด้วย เลยใส่จินตนาการไปในหนังลำบาก แต่นางเอกสวยชอบ ภาพสวยดี (ฉากที่เป็นบ้าน) ** 
  18. Bodyslam นั่งเล่น เป็นภาพคอนเสิร์ตนั่งเล่นของบอดี้สแลมที่เอามาทำเป็นหนัง โดยสอดแทรกตัดต่อเบื้องหลังเพิ่มเติมเข้าไปทำให้ดูมีเรื่องราวมากขึ้น ภาพสวยมาก ใครเป็นแฟนบอดี้สแลมห้ามพลาด มั่นใจว่าหนังแนวนี้วงดนตรีในไทยคงมีไม่กี่วงที่ทำออกมาแล้วจะเยี่ยมขนาดนี้***
  19. Iron  man 3 น่าจะเป็นตอนจบของ Iron Man ภาคนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคยสำหรับTony Starks ทั้งฉากลุยก็อลังการงานสร้าง แถมตอนกองทัพ Iron man ออกมาดูอลังการมาก ชอบมุขตลกที่สอดแทรกในเรื่องตลอด แม้จะไม่ได้เลิศมากแต่รับรองไม่ผิดหวัง ได้อรรถรส ดูสนุก แม้บางฉากจะไม่ถึงอารมณ์ไปหน่อย  ****
  20. ฤดูที่ฉันเหงา ตอนแรกตั้งใจจะมาดูแป้งโกะ แต่ขอบอกว่าโทนี่ รากแก่นน่ารักมากกกกกกกกกกกก หนังภาพสวย แม้ฉากจะดูประดิษฐ์ๆไปนิด เพลงเพราะ เข้ากะท้องเรื่อง รู้สึกจะตั้งใจให้ overacting ~ การ์ตูนญี่ปุ่น รวมๆแล้วก็โอ ขาดๆเกินๆบ้าง แต่ชอบมีคำพูดโดนๆเพียบ ***
  21. The great gatsby สมกะที่รอคอย ดูแล้วชอบหลายอย่างที่หนังพยายามสื่อเกี่ยวกะศีลธรรม แก่น/เปลือกของมนุษย์ คนนึงๆสามารถทำอะไรให้คนคนนึงได้มากขนาดนี้ และมีเธอในทุกจินตนาการ หลายๆการกระทำ มันมีเจตนา สนุกดี ภาพสวย ต้องชมนักแสดง ถ้าไม่ได้ขั้นเทพอย่าง Leonardo dicaprio , Toby McGuire หนังอาจไม่ดีขนาดนี้ ...ส่วน Carey mulligan ก็เหมาะกะอะไรชวนฝันๆแบบนี้ ****
  22. Now you see me เป็นหนังที่ผูกเรื่องได้ดีมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกอย่างมีปม มีเหตุที่ขับเคลื่อนของเรื่อง ดูแล้วสนุกน่าติดตามตลอดเรื่อง เราไม่ค่อยเห็นเอามายากลมาทำเป็นหนัง เรื่องนี้เลยแปลกไปอีกแบบ ชอบมาก ทุกคนเล่นเก่ง **** 
  23. Man of steel เป็นหนังที่นานมากเกือบ 3 ชม.แหนะ พยายามยัดทุกอย่างไปในเรื่องเดียว ทั้ง action drama love ปนกันไปหมด เลยไม่เด่นซักด้าน แต่ก็เป็นความพยายามที่ดีในการทำ super man รูปแบบใหม่ ต่างออกไปจากเดิมมาก จริงๆก็ไม่แย่นะ แต่มันแค่ไม่สุด ดูแบบไม่คาดหวัง โอเคเลย ฉากแอ็คชั่น production อลังการงานสร้างมาก ***
  24. Lone ranger นึกว่าดู pirate of the Caribbean ภาคทะเลทรายแทน Johnny Depp ไม่ฉีกไปจากบทบาทเดิมๆ พอไปดูมันก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นมุขเดิมๆ จริงๆหนัง production อลังการงานสร้างมากนะ ไปดูแบบไม่คิดอะไรมากก็โอเค มีฉากที่สอดแทรกมุขตลกอยู่เยอะเหมือนกัน ***
  25. Pacific Rim เป็นหนังหุ่นยนต์ ใครชอบหนังหุ่นยนต์น่าจะไปดูเลยทีเดียว plot เรื่องธรรมดามาก แต่หุ่นยนต์รูปแบบนี้มันทำให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ถ้าเนื้อเรื่องมีสีสันกว่านี้ซักหน่อยให้ไม่เดาง่ายไปจะดีมาก มีฉากซึ้งทำน้้ำตาซึมเล็กน้อย ที่สำคัญ คือ พระเอกหล่อมากๆๆๆๆ หุ่นล่ำบึ้ก สาวๆไม่ควรพลาด ****
  26. Red 2 เราไม่ได้ดูภาคแรกแต่มาดูภาคสองต่อก็รู้เรื่องนะ เรื่องนี้เป็นการรวมดารารุ่นเดอะเลย แต่แต่ละคนยังเจ๋งอยู่มาก โดยเฉพาะ Helen Mirren แก่แต่เก๋ามากยังบู๊ได้อยู่ สรุปดูเพลินๆ สนุกดี ***
  27. The Wolverine ภาคนี้เน้นดราม่าใช้ได้อยู่ แต่ก็ดำเนินเรื่องสไตล์หนัง super hero ภาคนี้ผสมความเป็นเอเชียเข้ามามากเหมือนกัน ทั้งดารา ฉาก และศิลปะการต่อสู้ แรกๆปูเรื่องนาน เดินเรื่องช้าไปหน่อย มาสนุกเอาตอนท้ายๆ ****
  28. Monster University ดูแล้ว feel good ตามสไตล์ Disney มีฉากนึงที่ทำเอาเราน้ำตาซึมเลย แต่ชอบที่พยายามสอนว่าคนเราไม่ต้อง born to be แต่ try to be ได้ ****
  29. The Bling Ring เป็นเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง เหตุที่ไปดูเรื่องนี้ก็เพราะ Emma Watson เลย ปกติหนังที่นางเล่นจะไม่ค่อยผิดหวัง ปรากฏว่าเรื่องนี้มันแย่ด้วยบท การเดินเรื่องด้วยมั้ง ไม่สนุกเอาซะเลย แต่ถ้าใครอยากดู emma ในบทเซ็กซี่เล็กๆก็จัดไปคะ แต่เราว่าคนอื่นในเรื่องเล่นได้ดีกว่า นางอาจจะไม่เหมาะกะบท bitch ก็เป็นได้ ** 
  30. Jobs เป็นหนังอรรถชีวประวัติของ Steve Jobs ซึ่งเราว่าเค้าโชว์ให้เห็นด้าน tough ของ Jobs กว่าจะประสบความสำเร็จได้มากกว่า มีความรู้สึกว่าหนังยังทำได้ไม่ละเมียดพอ รายละเอียดเก็บได้ไม่ดี ข้ามๆขาดๆเกินๆไงก็ไม่รู้ Ashton Kutcher เล่นได้ใช้ได้นะ ท่าทางเหมือน โดยเฉพาะท่าเดิน ***
  31. Elysium  เหมือน plot เรื่องทำนองนี้จะเห็นบ่อย คือ การแบ่งคนออกเป็นสองเกรด แยกเป็นสองโลก แต่เราชอบนะเรื่องนี้ทำได้ดีเลย เครียด ลุ้นตาม แต่สนุก Matt demon เล่นเก่งอ่ะ ภาพสวยดี ****
  32. Rush เป็นหนังที่ Based on true story ทำได้ดีมากๆ ภาพสวยและเน้นให้เข้ากะอารมณ์ของเรื่องในตอนนั้น การลำดับภาพดี ทำให้เราลุ้นตามมากๆๆๆ บางฉากถึงกะหลับตาปี๋ ลุ้นเกิน Danial Bruhl เล่นได้ดีมากๆ ใครชอบ F1 น่าจะชอบเรื่องนี้ จริงๆเรื่องนี้ให้ข้อคิดดีในหลายด้านนะ การเลือกใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ *****
  33. Gravity เป็นหนังที่ภาพสวย ทำให้รู้สึกว่าเหมือนอยู่บนอวกาศจริงๆ แต่เนื้อเรื่องมันธรรมดาแล้วก็เดาได้ง่ายมากๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น **
  34. Prisoner ปกติชอบดูหนังแนวสืบสวนสอบสวนอย่างนี้อยู่แล้ว แต่ปนกะความกลัวเลยไม่ค่อยได้ดูบ่อยนัก แต่เรื่องนี้ทำได้ดีทีเดียวเลย ผูกเรื่องได้ดีมากๆตั้งแต่ต้นจนจบ ค่อยๆพาเราไขปริศนาไปเรื่อย ทำให้ลุ้นตลอดเรื่อง เกือบเดาตัวคนร้ายไม่ออก แต่ดูเรื่องนี้แล้วก็แอบเครียดตาม ลุ้น นักแสดงทำได้ดีมากทุกคน ทำให้อารมณ์หนังมันได้ โดยเฉพาะ Huge Jackman ****
  35. About time เป็นหนังรักที่เราเฝ้ารอมากสำหรับปีนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆ เรื่องราวเกี่ยวกับ travel through time ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องนี้ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ไม่น่าเบื่อ มันไม่ใช่แค่ความรักระหว่างคู่รักหนุ่มสาวที่ทำให้น่ารัก แต่เราชอบความอบอุ่นระหว่างความรักของพ่อและลูกด้วย  ดูจบแล้วก็ยังอึนๆในเรื่องความรัก ชอบข้อคิดที่ว่าให้เราทำทุกๆวันเหมือนว่าเราได้ย้อนกลับไปแก้ไข moment นั้นแล้ว *****
  36. Blue Jasmine เป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบมากสุดของปีนี้เลย มันเป็นหนังชีวิตที่โดนมากกกกกก ปกติเราก็เป็นแฟนหนังของ woody allen อยู่แล้ว ซึ่งตามสไตล์จะชอบเล่าเรื่องสลับไปมาก ถ่ายทำในฉากสวยๆในประเทศต่างๆ บทพูดเยอะๆ โดนๆ เรื่องนี้มันก็เป็นเช่นนั้นแต่ทำได้ดีมาก ขอมอบ oscar ในใจให้กับ Cate Blanchett เลย ทำให้หนังสมบูรณ์แบบจริงๆ  plot มันดีอยู่แล้ว วิธีการเล่าเรื่องดี ชอบที่มาเฉลยปมตอนท้ายๆว่านางก็เป็นคนที่ทำให้ชีวิตต้องพลิกผัน เอง แถมได้ cate มามาเล่น นางตีบทกระจุยมาก คนปกติหรือบ้า เส้นกั้นกลางๆ *****
  37. Thor : The dark world เป็นหนังภาคต่อที่ทำได้ดีทีเดียว จริงๆคนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาดูภาค 2 เลยก็น่าจะรู้เรื่อง แต่อาจจะไม่อินกะความสัมพันธ์ดราม่าในครอบครัวระหว่างพ่อ-thor-loki ชอบที่ภาคนี้สอดแทรกมุกตลกตลอดเรื่อง ไม่เฟือมากในการใส่มุกเพื่อไม่ให้หนังน่าเบื่อ ภาพสวยอลังการดี รวมๆแล้วสนุก เราชอบนะ เดินเรื่องได้น่าติดตาม รอดูภาคต่อไปแน่นอน ****
  38. Lovelace  เรื่องนี้สร้าง based on true story ถ้าเป็นผู้หญิงไปดูน่าจะอินมากเป็นพิเศษ มันสะท้อนปัญหาสังคมด้านการถูกกดขี่ทางเพศของผู้หญิง และความเชื่อในการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ เรื่องนี้ต้องชม Amanda seyfried จริงๆ เพราะรับบทเด่นในเรื่องและถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ตีบทกระจุย ***
  39. The Hunger Game : Catching fire  เราชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว และเฝ้ารอภาคนี้มานาน หนังทำได้ออกมาดีเยี่ยมสมกะที่รอคอย เรื่องนี้พัฒนาขึ้นกว่าภาคแรกมาก ไม่ว่าจะเป็นฝีมือนักแสดง จลอว์เป็นคนแสดงออกทางสีหน้าได้ดีเยี่ยม เหมาะกะบทที่อัดอั้นกดดันแบบนี้ CG effect ก็พัฒนาขึ้นมาก ดูลงทุนสูงขึ้น ตัดต่อหนังได้ชวนน่าติดตามตลอดเรื่อง รอชมภาคต่อไป *****
  40. Frozen เป็น animation ที่ทำได้ดีมากกก และ surprise เรามากๆ ตอนแรกไม่คิดว่าจะไปดูเลย แต่กระแสปากต่อปากถึงความยอดเยี่ยมเลยทำให้เราตกลงใจไปดูและไม่ผิดหวัง การถ่ายทอดเรื่องราวโดยใช้เพลงประกอบ ทำเหมือนว่าเรากำลังดูละคร Broadway อยู่ทำให้หนังดู grand ขึ้นมาก เพลงเพราะจริงๆ *****
  41. American Hustle เรื่องนี้ดาราแสดงนำแต่ละคนมากด้วยฝีมือจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Christian Bale, Amy Adams, Bradley Cooper, Jennifer Lawrence หนังค่อนข้างนาน บทพูดเยอะมาก วิธีการเล่าเรื่องก็จะงงๆหน่อยเนื่องจากจะทำให้เป็นแผนซ้อนแผนหลายตลบ ด้วยรวมถือว่าโอเค มีชั้นเชิงดีในการวางพล็อตเรื่อง ตลกร้ายในบางจุด สะท้อนสังคม ***
  42. The Hobbit : The Desolation of Smaug เป็นภาค 2 ของ The hobbit มาดูด้วยความไม่คาดหวังใดๆ ก่อนที่จะมาดูมีแต่คนวิจารณ์ในแง่ลบ แต่เราว่าโดยรวมไม่แย่นะ ที่เราเห็นด้วยก็คือว่าหนังนานเกินไป เดินเรื่องช้าเป็นบางช่วง แต่บางตอนที่ดูทำให้ช้าก็เพราะเหมือนจะเน้นความสวยงามของภาพ ฉากแอ็คชั่น ท่วงท่าของนักแสดงในฉากนั้นๆเลยพอให้อภัยได้ หนังนานก็จริงแต่ไม่น่าเบื่อ ลุ้นตลอด...แต่เคืองตอนจบอะ ต้องไปดูภาค 3 ซินะ แต่ตัดจบแบบนี้มันเกินไปหน่อย ****
  43.  The secret life of Walter Mitty จริงๆเนื้่อเรื่องมันธรรมดานะ แต่ทำให้ดูแฟนตาซีดี เล่นกะจินตนาการของคน สอดแทรกมุกตลกแบบเสียดสีเป็นระยะ เราไม่ค่อยชอบช่วงครึ่งแรกของเรื่อง แต่ครึ่งหลังของเรื่องทำได้ดีมาก ชอบที่ดูแล้วได้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับชีวิตดี ตินิดนึงตรง sequence ของหนัง อย่างภาพสุดท้ายบน cover มันไม่ใช่อะถ้าลำดับเรื่องถูกต้อง ไม่เนียน ***
ปีนี้มีหนังที่เราให้ 5 ดาวอยู่ถึง 9 เรื่อง คือ Cloud atlas, Les Miserables, Zero Dark Thirty, Flight, Rush, About time, Blue Jasmine, The Hunger Game : Catching fire และ Frozen 20%กว่าๆของหนังที่ดูได้ 5 ดาว แสดงว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของคอหนังเลยหละคะ ปีนี้หนังที่ให้ดาวน้อยๆไม่ค่อยมี เพราะเลือกที่จะไม่ไปดูแทน ฮ่าๆ

5 อันดับหนังที่เราชอบมากที่สุดประจำปี 2013 คือ
อันดับที่ 1 : Les Miserables
อันดับที่ 2 : Blue Jasmine
อันดับที่ 3 : Flight
อันดับที่ 4 : The hunger games : Catching fire
อันดับ 5 : Rush
เหมือนหนังที่เลือกมาปีนี้จะเป็นแนวชีวิต เน้นดราม่าจ๋าทั้งนั้นเลย จริงๆเราเป็นคนชอบหนังโรแมนติกนะ >< หนังโรแมนติกสุดของปีนี้ คงต้องยกให้เรื่องนี้ 
สุดยอดหนัง Romantic : About Time
เหมือนเราจะเป็นแฟนหนังโรแมนติกของ Rachael McAdams ไปแล้ว ปีที่แล้วก็เลือก The Vow ที่นางเล่น

หนังยอดแย่ที่สุดสำหรับปีนี้ที่เราไปดู
หนังที่พลาดไปดูมากสุด The Bling Ring
 หวังว่าจะมีตรงใจหลายๆคนบ้างกะหนังที่เลือกมาในปีนี้ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น