แถมโหดมาก ที่เหตุเกิดตอน 4 โมง ตอนที่เทนี่มันไวมาก รู้สึกเหมือนเป็น basket order สังเกตจาก ticker ที่กระพริบ เหตุที่ว่าโหด ก็เพราะมันเล่นในกรอบทั้งวัน แต่บทจะเทก็จัดซะหนักเลย
ขนาดฝรั่งไม่ได้ขายมาก แต่เงินก่อนอ่อนจัง (นี่ขนาดดอลลาร์ยังไม่กลับมาแข็งมาก แต่บาทอ่อนมากเมื่อ against $ ไม่รู้เกี่ยวกะ deal makro ที่ tender ช่วงนี้ด้วยรึป่าว)
ที่น่าสังเกต คือ market volume ที่น้อยมากๆในช่วงนี้ เดี๋ยวนี้เหลือไม่ถึง 30,000 ล้านต่อวัน ticker วิ่งช้ามากกก นี่ถ้าเทียบกะปีที่แล้วก็ 30,000 ล้านนี่จัดว่าเป็นปกติ แต่เดี๋ยวนี้วันไหนต่ำกว่า 50,000 นี่ก็จัดว่าเงียบแล้ว ยังจำได้ตอน set peakๆ นี่มีวันนึง volume แตะระดับ 100,000 ล้าน
ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ volume หายเพราะ
- ไม่แน่ใจในทิศทาง?
- ทำอะไรไม่ถูกอยู่เฉยๆ?
- ติดดอยอยู่?
- ไม่มีเงินใหม่เข้ามา?
- คนเลิกเล่นกันไปหมดแล้ว?
ยิ่ง volume น้อยๆ คนที่เป็นนายตลาด ควบคุมการเคลื่อนไหวของดัชนีได้ ช่วงนี้ทำงานสบายมากๆเลย จะซื้อลากให้ขึ้นก็ง่าย จะขายทุบให้ลงก็สบาย อย่างที่เขียนไว้ตอนที่แล้ว ตอนนี้คงเหลือแค่ local players นี่แหละที่เป็นตัวกำหนด SET
กลับมาดูที่ SET บ้าง ช่วงนี้ Headwinds เยอะจัง ส่วนใหญ่ปัจจัยที่พาให้ตลาดเราอ่อนกว่าเพื่อนก็เพราะเรื่องภายในประเทศนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น
- GDP downgrade
- Export ยังไม่ฟื้น
- Slow domestic consumption
- Current account deficit
- Household debt
- ค่าเงินบาทอ่อน
- Bond yield ขึ้น
- ความวุ่นวายทางการเมือง
- 2 ล้านๆ delay
แนวรับถัดไป
แต่ถ้ากลับไปดูราย sector นี่เหนื่อยมาก พวกกลุ่มผู้นำค่อยๆอ่อนแอลง แถมไม่มีกลุ่มใหม่มาเสริมทัพ สรุป ตลาดช่วงนี้อ่อนแอ จะขึ้นก็ยาก ลงนี่ง่ายซ้ายผ่านตลอด แต่ลงลึกถึงเท่าไรนี่ก็ต้องพิจารณากันเอา ถึงจุดนึงรอสถานการณ์นิ่งๆ market คงอ่อนไหวต่อ news flows น้อยลง แล้วกลับมามองหาความ attractiveness ของหุ้นอีกครั้ง การเมืองวุ่นวายมากี่ครั้ง หนักหนาแค่ไหนเราก็ผ่านมาได้ มันเป็น noise แต่ตอนนี้ก็ต้องภาวนาให้อย่าลงจนบอบช้ำมากก่อน ......Oops, Hope is not a strategy!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น