6/1/56

รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 2) : ซกโซ (Sokcho) โซรัคซาน (Soraksan)

ได้เวลาพาเที่ยวเกาหลีแล้วคะ หลังจากเกริ่นภาค เตรียมตัวและรีวิวโรงแรมที่พัก ไปในตอนแรก

จากสนามบิน Incheon จุดหมายปลายทางของเราก็คือ Sokcho คะ พอผ่านด่านคนเข้าเมืองเรียบร้อย เอากระเป๋า ล้างหน้า แปรงฟัน เสริมสวย เติมเงินT-money เช่า Router เราก็พร้อมออกเดินทางคะ
วันแรกของทริป
ใช้บริการของ AREX จาก Incheon Station ไปลง Hongik Uni Station (Exit: Leftside Transfer to Line 2) นั่งจาก Hongik Univ Station ไปยัง Gangbyeon Station ออกทางออกที่ 4 ใกล้ๆกับห้าง Techno Mart พอออกไปแล้วให้เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วไปทางซ้ายนิดเดียวก็จะเจอตึก Dong Seoul Bus Terminal ซึ่งจะเป็นท่ารถเหมือนขนส่งเอกมัยบ้านเราคะ ไปถึงก็ไปซื้อตั๋วที่บูทเพื่อไป Chuncheong Express Bus Terminal
สังเกต Terminal รถที่ออกและที่นั่งคะ เป็นแบบ Fixed seat บัสที่นี่ตรงเวลามาก เราก็นั่งสุดสายจากDong Seoul Bus Terminal ไปลงที่ Chuncheong Express Bus Terminal  เนื่องจากรถวิ่งนานมาก คนขับจะมีเบรกพักให้ระหว่างทางเพื่อเข้าห้องน้ำครั้งนึง เมื่อถึง Chuncheong Express Bus Terminal  ก็ซื้อตั๋วใหม่เพื่อไปลงที่ Sokcho Intercity Bus Terminal คะ ลงสุดสายเหมือนกัน

ถึง Sokcho ซะที เมื่อถึงก็เจอหิมะแรกของทริปเลยคะ ตกปรอยปรายเบาๆ ถ้าใครพักที่เดียวกับเราก็มองหารถเมล์สาย 7 หรือ 9 ไว้ได้เลย เพื่อเช็คอินที่โรงแรม จากนั้นค่อยไปตะลุยเมืองกัน เย้ หมดภาระแบกกระเป๋าไปชั่วคราว

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ได้เวลาหม่ำๆมื้อแรกของทริปเกาหลีซะที เดินมั่วๆไปเจอร้านคะ (จำได้แค่ว่าอยู่ใกล้ๆกะ Emart) อันที่จริงเข้าร้านแรกไปก่อน คราวนี้เข้าไปเมนูก้อไม่มี พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ รูปก็ไม่มีให้ชี้ ก็เลยเดินออกไปมาไปเสี่ยงดวงร้านที่สองแทน คราวนี้โชคดีมีคนในร้านพูดภาษาอังกฤษได้ช่วยมาสั่งให้

ร้านอาหารที่นี่เค้าไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ อย่างถ้าเราไปกัน 6 คน จะสั่งจานเดียวหลายๆอย่างมาแชร์กันก็ไม่แปลกอะไร แต่ที่นี่เค้าจะกำหนดเหมือนกันว่าอาหารประเภทนั้นถ้าไปกันกี่คนต้องสั่งกี่อย่าง เช่น ซุปต้องสั่งสองชุดขี้นเป็นต้น อาหารมื้อแรกของเราก็หน้าตาแบบนี้เลย
อาหารพื้นเมืองของซกโซ
จานแรกนี่เป็นอาหารพื้นเมืองของซกโซคะ อร่อยดี เป็นปลาหมึก หมู มีข้าวด้วย ขอบอกว่าข้าว (ผับ)ที่มากับซุปอร่อยมากๆ ข้าวเกาหลีอร่อยจริงๆ นุ่มนิ่มมากๆ

ท้องอิ่มก็ไปเดินสำรวจเมืองกันคะ เดินไปตาม Rodeo street ร้านกาแฟน่ารักเพียบ ของช็อปปิ้งเพียบ จะเป็นร้านๆตามถนนคะ  แล้วก็มีพวกตัวต่างๆเป็นวัตถุโลหะให้เก็บภาพกันได้ 
จากนั้นเดินมั่วๆเรื่อยไปตามชายหาด ก็จะไปเจอกัน Squid market - Sinsuro bridge และ Cheongchoho lake
ตากกันอย่างนี้เลย
หน้าหนาวฟ้ามืดไวมากๆ จริงๆห้าโมงเย็นก็มืดแล้ว พอเราเดินกลับเตรียมกลับที่พักก็เจอปริศนากล่อง งงมาก เห็นคนพื้นที่ถือกล่องแบบนี้กันทุกคน
ด้วยความอยากรู้ เดินตามรอยกล่องไปจนเจอ
คนแน่นขนัดจนต้องลองซื้อมาชิมบ้าง ที่ฮา คือ มีแถวอยู่สองแถว แต่คิวยาวไม่เท่ากัน ปรากฎว่าไปต่อแถวสั้น พอเปิดกล่องไก่มามันเป็นไก่เย็นอ่ะ ชิมของเค้าไปแล้วด้วย ก่อนจะไปเปลี่ยนเป็นแบบร้อน เค้าก็ให้เปลี่ยนแต่โดยดี ..ไก่อร่อยดี มันเหมือนพวกผัดเปรี้ยวหวาน แต่แห้งและเผ็ดๆกว่า ใครไปแถวนั้นถ้าเห็นคนถือกล่องแบบนี้จะได้ถึงบางอ้อ อ่อ มันเป็นกล่องไก่หน้าตาแบบนี้นี่เอง

อ่อ ระหว่างเดินเล่นในเมือง เห็นมีร้านซีดีขาย น้องทีไปด้วยกันบอกว่าที่นี่ถูกกว่าในโซลซะอีก เผื่อใครจะไปตามล่าหาซีดี อยากซื้อตั้งแต่ที่นี่ก็จัดไปคะ 

จบวันแรกของทริปคะ จริงๆ เป็นการทำความคุ้นเคยกะเมืองมากกว่า ถ้าวางแผนดีๆคงจะได้ไป attraction ต่างๆในวันแรกได้ แต่นี่ไปแบบชิลๆมาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันที่ 2 ของทริป ไปโซรัคซานกันคะ จากหน้าโรงแรมเรา ก็นั่งรถเมล์สาย 7,7-1 ไปสุดสายลงที่โซรัคซานได้เลย ก็ทำการซื้อตั๋วค่าเข้าให้เรียบร้อย
เห็นหมีตัวนี้ก็แสดงว่าถึงโซรัคซานหละคะ
 จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วขึ้น cable car จะเป็นรอบๆไป มีเวลากำหนดว่าเราจะได้ขึ้นรอบไหน ถ้าไปเช้าหน่อย คนไม่เยอะก็โชคดีมไม่ต้องรอนานคะ

พอขึ้นมาถึงเจอวิวแบบนี้ก็ปลื้่มแล้ว
ทางเดินขึ้นเขาก็ไม่ลำบากอะไรมาก พอไหวคะ บางจุดก็จิกเท้าหน่อยโดยเฉพาะตรงจุดที่มีหิมะ เพราะลื่นได้ง่าย
ขึ้นมาถึงด้านบน ลมจะแรงมากแต่ก็อากาศดีมากเช่นกัน ลมพัดทีนี่ปลิวได้เลยทีเดียว 555
อากาศดีๆอย่างนี้ต้องรีบสูดให้เต็มปอด บรรยากาศข้างบนดีมากจริงๆคะ
เราไม่ได้ไต่ขึ้นไปถึงบนธงเกาหลี อยู่แค่ฐานๆเท่านั้นคะ สังขารไม่อำนวย จริงๆเค้าเหมือนเปิดเส้นทางเป็นพื้นที่ปีนเขาด้วยบางคนอาจจะเลือกไม่ขึ้นเคเบิล แต่เริ่มปีนมาตั้งแต่ฐานล่างเลย

จากนั้นก็ลงมาทานข้าวกันด้านล่างก่อนไปชมวัดต่อ พาจอน หรือ พิซซ่าเกาหลีที่นี่อร่อยมากๆ ไปสั่งที่อื่นก็ไม่เด็ดเหมือนที่นี่
ข้าวยำเกาหลี
พาจอน
แล้วก็มาเยี่ยมชมวัด Naksansa Temple กันคะ มีองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า
มีถวายแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาเหมือนบ้านเราเลย
จากนั้นเดินเลยมาจะเจอสะพาน ชอบตรงนี้มากๆ สวยดี
อย่าลืมแวะร้านกาแฟตรงสะพานนี้ไปพักแก้หนาวนะคะ heater ที่นี่เด่นมาก :P จริงๆแล้วร้านน่ารัก คนขายใจดี แล้วก็กาแฟอร่อยมากๆคะ
ร้านเหลืองๆนี่แหละคะ
อุปกรณ์โปรมาก
Heater
เดินลึกเข้าไปอีกหน่อยก็จะถึงวัด Shinhungsa
อธิษฐานโดยวางหิน
จากนั้น เราก็ออกจากโซรัคซานคะ นั่งรถเมล์สายเดิมกลับมาเดินเล่นที่่ Sokcho Beach กัน ไปตามรอยหนัง Autumn in my heart
เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะได้อยู่ในซกโซ เลยต้องเก็บตกสถานที่ที่อยากไป ทำให้ตารางแน่นๆรีบๆมาก จริงๆ แนะนำว่าให้ไป Lighthouse observatory และ Yeonggeumjeong Sunrise Pavillion พร้อมๆกับวันที่ไป Cheongchoho lake คะ เพราะอยู่ใกล้ๆกันมาก แต่กะเวลาให้ดีหน่อย เพราะพระอาทิตย์หน้าหนาวตกเร็วมากๆ อ่อ Lighthouse observatory นี่ก็ปิดประมาณ 17.30 นะคะ

Lighthouse observatory นี่ทางขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นมาก จำได้ว่าวิ่งแข่งกะเวลาด้วย เพราะกลัวไม่ทันพระอาทิตย์ตก (เรามาถึงช้ามาก) เหนื่อยมากๆ แต่เพื่อให้ทันพระอาทิตย์ตกตอนนั้นลืมเหนื่อย อดีนารีนทำงานสุดฤทธิ์ พอขึ้นไปถึงข้างบนนี่เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยจริงๆ สวยมากๆ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้นเลย
ลงมาด้านล่างก็จะเจอ Yeonggeumjeong Sunrise Pavillion เลยอยู่ใกล้ๆกัน
ระหว่างทางไป Lighthouse observatory นี่ร้านขายปูเพียบ ใครสนใจร้านไหนก็เล็งได้เลยคะ เสียดายเราพลาดไม่ได้กินปูที่นี่ เรามาทานเนื้อย่างเกาหลีแทน เป็นแบบบุฟเฟต์แต่ self services นะคะ อยู่ใกล้ๆ the house hostel เห็นว่าเจ้าของแนะนำมา ก็เลยตามรอยมาทานบ้าง อร่อยมาก อาจุงม่าก็น่ารักมาก แถมพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย เนื่องจากเป็นการย่างบนฟอยล์ เลยต้องคอยเปลี่ยนตลอดกันไม่ให้ฟอยล์ไหม้ ที่สำคัญ ห้ามทำฟอยล์ขาดด้วย ไม่งั้นควันจะพวงพุ่ง :)
สรุปสุดท้ายสำหรับเมืองซกโซและโซรัคซาน เป็นเมืองที่น่ารัก อบอุ่นดีคะ มีทั้งทะเล ทั้งภูเขา อากาศดี อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร (ยังประทับใจคุณลุงคนขับรถเมล์คนนั้นไม่หาย ตั้งแต่ตอนขึ้นรถ เราถามทางว่ามาถึงโรงแรมมั้ยกันนานมาก ทั้งช่วยยกกระเป๋าให้ตอนลง แถมเพื่อนเราลืมกล้องยังเอากลับมาคืนให้ที่โรงแรม ซึ้งสุดๆ) 

เดี๋ยวตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวสกีรีสอร์ทและฟาร์มแกะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เขียนมายาวเหยียดเชียว :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น