27/12/55

รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 1) : เตรียมตัวและรีวิวโรงแรมที่พัก

ห่างหายจากการเขียน blog ไปนานมาก เนื่องจากไม่ได้ไปไหนเท่าไรเลย เลยไม่มีอะไรเขียน ล่าสุด ได้ออกเดินทางท่องโลกอีกครั้งนึง เลยมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังแล้วคะ รอบนี้ไปเกาหลี 9 วัน (30 พ.ย.- 9 ธ.ค.) เหมือนจะนานใช่มั้ย แต่พอไปจริงๆ เวลาผ่านไปมากๆ
 
การเตรียมตัว ไปเที่ยวเองแบบไม่ง้อทัวร์คะ เราเป็นคนที่ไม่ชอบไปเที่ยวกับทัวร์เลย ไม่คิดจะไปด้วย รู้สึกว่าสนุกกับการจัดตารางเที่ยวเอง อยากไปไหนก็ไป อยากอยู่ที่ไหนนานก็อยู่ได้ มี flexible ในการเที่ยวมากกว่า แต่การไปเที่ยวเองนี่ก็ต้องใช้พลังงานในการเตรียมตัวสูงกว่ามาก แถมงบมีโอกาสบานปลายได้มากกว่า ก็ต้อง trade off ข้อดีข้อเสียเอาเนอะ

เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินก่อนเลย ปกติโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินจะออกก่อนล่วงหน้าแค่ประมาณ 3 เดือน ก็ต้องขยันเช็คโปรกันหน่อย รอบนี้โชคดีได้โปรของ http://www.cheaptickets.co.th เลยได้ตั๋วราคาถูกกว่าถามตาม agency หน่อยนึง

ตกลงปลงใจจอง Korean air คะ เนื่องจากบินตรง เวลาดี ราคาดีสุดเมื่อเทียบกะสายการบินอื่นๆ ค่าตั๋วเครื่องบินที่เราได้รอบนี้ไป-กลับตกราวๆคนละ 16,000 บาท (รวมหมดหละทุกอย่าง) เห็นราคาตั๋วตอนแรกก็เซ็งเล็กน้อย เพราะเห็นทัวร์หลายๆที่รวมหมดนี่แค่ 2X-3X,XXX เอง แต่เอาหละ รักจะเที่ยวเองแล้วนินะ

จากนั้นเราก็มาจัดว่าด้วยตารางเที่ยวคร่าวๆ ลองอ่านจากเว็บต่างๆ หนังสือท่องเที่ยวแล้วปรับตามเหมาะสมเลยคะ รอบนี้มีน้องใจดีในทริปช่วยจัดตารางให้ ข้อดีของการไปหลายๆคนก็คือแบ่งหน้าที่กันทำนี่แหละคะ :)

ตารางเที่ยวคร่าวๆตาม link นี้เลยคะ คร่าวๆก็ประมาณนี้
วันที่ 1 - Sokcho
วันที่ 2 - Seoraksan
วันที่ 3 - YongPyong Ski Resort
วันที่ 4 - YongPyong Ski Resort - Seoul
วันที่ 5 - Namiseom
วันที่ 6 - Everland
วันที่ 7 - Busan
วันที่ 8 - Seoul
วันที่ 9 - Seoul

ส่วนหนังสือนำเที่ยวที่เราอ่านประกอบและพกไปด้วยก็คือเล่มนี้
หนังสือจัดว่าอ่านง่าย ภาพประกอบสี บอกทิศทางการไปยังสถานที่ต่างๆได้ดี ครอบคลุมทั้ง seoul และเมืองอื่นๆทั่วเกาหลี แต่บางสถานที่รูปก็หลอกให้เราไป พอไปถึงอาจจะไม่เหมือนดังในรูป 555

ว่าด้วยเรื่องของที่พัก หลังจากที่วางตารางคร่าวๆแล้วว่าเราจะไปที่ไหนก็บ้างวันไหน ก็ทำการจองที่พักคะ

สำหรับคืนที่ 1-2 ที่อยู่ใน Sokcho และ Seoraksan เราพักกันที่ The class 300 Hotel จริงๆอันนี้ผิดแผนนิดนึง คือ ตอนแรกจอง The house ที่ยอดฮิตไป ปรากฏว่าอยู่ดีๆคุณเจ้าของเกิดจะไปฮันนีมูนวันที่เราจะไปพักพอดี ก็เลยขอ cancel เรา ทีนี้หละก็งานเข้า เพราะในเว็บส่วนใหญ่ก็แนะนำแต่ที่ The house ก็เลยใช้เว็บการท่องเที่ยวเกาหลีเข้าช่วย อ่านรีวิวเว็บจองโรงแรมต่างๆ รวมถึงพิจารณาด้าน Location ก็เลยลงตัวที่นี่

The class 300 Hotel นี่แพงสุดในทริปนี้เลย แต่ห้องและ facilities ก็สมควรแก่ราคา จริงๆโรงแรมในเกาหลีโดยรวมราคาไม่แพงนะ แล้วแต่เกรดมากกว่า
มันเจ๋งตรงรีโมทนี่แหละ
พนักงานต้อนรับที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้โอเคเลย และมีน้ำใจในการช่วยเหลือมาก เรื่องของเรื่องคือเพื่อนเราลืมกล้องไว้บนรถเมล์ ทางโรงแรมก็ช่วยประสานงานติดต่อให้จนภารกิจลุล่วงไปด้วยดี ห้องพักสะอาด กว้าง อุปกรณ์ครบ เจ๋งสุดก็ตรงชักโครกนี่แหละ มีระบบรีโมทสั่งงาน อีกเหตุนึงที่เราเลือกพักที่นี่เพราะใช้เวลาเดินทางไป Seoraksan ไม่นาน ถ้าขึ้นไปพักบนนั้นเลยก็จะห่างไกลจากความเจริญไปนิด ตรงนี้กึ่งๆระหว่างเมืองกะ Seoraksan นั่งรถเมล์กลับไปเดินเล่นในเมือง หรือเที่ยวในสถานที่ต่างๆของ Sokcho ก็ไม่ไกลมาก จริงๆที่อื่นใกล้แหล่งท่องเที่ยวกว่ามาก ที่นี่จะออกห่างมาหน่อยนึง

สำหรับสกีรีสอร์ท เราพักกันที่ YongPyeong resort - Dragon Valley ที่นี่จองผ่านทางเว็บจะช้ามาก เค้าจะไม่ค่อยตอบ โทรไปจองเร็วกว่า แถมได้เรทที่ถูกกว่าหน้าเว็บกว่าครึ่งนึงเลยทีเดียว
นอนกะพื้น มีฮีทเตอร์ทำให้อุ่นๆ
วิวจากห้องนอน มองไปเห็นลานสกีเลย
 โรงแรมนี้ค่อนข้างเก่าแล้วสำหรับตัวห้องพัก ห้องที่เราเป็นแบบสำหรับ 6 คน คิดต่อหัวแล้วก็ยังแพงสำหรับโรงแรมที่สภาพอย่างนี้ แต่นะ มันเป็นเหมือน complex สำหรับคนที่จะมาเล่นสกี รวมถึงมี facilities อย่างอื่น เช่น สวนน้ำ (หน้าหนาวก็ไม่ต้องกลัว เล่นได้คะ เป็นน้ำอุ่น) ห้องเกม โบว์ลิ่ง ศูนย์อาหาร ทำนองแบบว่าเข้ามาพักในนี้ไม่ต้องออกไปไหน มีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกทำ
กลับมาที่สุดท้ายใน Seoul เราพักกันที่ Hotel Rainbow ซึ่งถือว่าอยู่ในทำเลที่โอเค ใกล้ subway สองสถานี ราคาไม่แพง แถมพนักงานที่เคาน์เตอร์โรงแรมสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว อาหารแถวใกล้ๆโรงแรมอร่อยมากด้วย
 ห้องพักที่นี่แคบมาก คือ จริงๆเค้าให้เป็นสำหรับสองคน แต่พอดีเราเพิ่มเตียงเสริมไปอีกหนึ่งเลยยิ่งแคบไปกันใหญ่ ประมาณว่าวางกระเป๋า 3 ใบใบยักษ์ๆก็เต็มห้องหละ555 แต่รวมๆโอเคคะ value for money มากๆ เอาไว้เป็นแค่ที่นอน เก็บของระหว่างเที่ยว เหมาะมาก ของใช้มีให้ครบ turn bed ให้ทุกวัน ฝากกระเป๋าไว้ได้ หากเช็คเอาท์แล้วยังไม่ถึงเวลากลับไปสนามบิน

หมดจากเรื่องที่พัก มาเรื่องของการเดินทางกันบ้าง สิ่งแรกที่ต้องเตรียม คือ บัตร T money เราเองก็ยืมจากคนที่ไปก่อนหน้าเหมือนกัน ใช้ได้ทั้งกับ subway และรถเมล์ เติมเงินก็เติมที่ machine ที่สถานี หรือที่ 7-11 ก็ได้
 -อยู่นอก Seoul นี่ลำบากหน่อย ต้องศึกษาเส้นทางโดยละเอียด เราก็หาอ่านๆตาม blog คนอื่นเหมือนกัน กับไปหลงๆถามคนที่โน่นเอา แต่นอกเมืองคนพูดอังกฤษได้จะน้อยหน่อย
- อยู่ในโซลไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ใช้ subway เอาได้สะดวกมาก
- ในปูซานก็ใช้ subway เอาซะเป็นส่วนใหญ่ บัตร T-money ใช้ในปูซานได้เหมือนกัน เราว่าไม่ต้องซื้อตั๋ว one day trip ก็ได้ เห็นหลายๆคนแนะนำ ลองคำนวณตามสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปดูคะ เราว่าตัดเป็นต่อเที่ยวอาจจะถูกกว่า

สำหรับใครที่จะเดินทางจากโซลไปยังปูซาน อย่างลืมจอง KTX รถไฟความเร็วสูงไปก่อนจากเมืองไทย ตอนจองก็ใช้เลข passport ของเรา แล้วก็ไปออกตั๋วที่ Seoul station จริงๆระบุรอบที่จะไปและที่นั่งเลยก็ได้ เพราะบางคนคนเยอะ เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งเอา

อ่อ อย่าลืมโหลด app subway ของเกาหลีไปด้วย ช่วยได้มากๆคะ ลองเล่นๆดูก่อนก่อนไปก็ดี ไปที่โน่นจะได้คุ้นชิน

สิ่งนึงที่ชอบสำหรับการเดินทางที่นี่มาก คือ ความตรงเวลา เป๊ะมาก ไม่ว่าจะเป็น bus or subway อีกหนึ่งทางเลือกก็คือ แท๊กซี่ จริงๆราคาก็ไม่แพงมาก ระวังแค่อย่าเจอป้ายดำประเภทขูดรีดเป็นพอ

ข้อเตือนใจอีกอย่างนึง คือ หลังเที่ยงคืน subway ในเกาหลีปิด เพราะฉะนั้นต้องพึ่งบริการแท๊กซี่อย่างเดียว และแท๊กซีที่นี่หายากมาก ไม่ได้วิ่งกันเกลื่อนแบบบ้านเรา ดังนั้นแนะนำว่าอย่ากลับดึกมากคะ อันนี้มาจากประสบการณ์ตรง เราไปทริป one day trip ปูซาน กลับมาถึง Seoul ดึก ต้องยืนรอแท๊กซี่ท่ามกลางอากาศเหน็บหนาวอยู่สองชั่วโมง แถมไม่ได้ขึ้นอีกต่างหาก ต้องเดินกลับโรงแรม เป็นบทเรียนที่อยากมาเตือนคนอื่นมากๆ (อย่าผิดซ้ำแบบเรา)

เรื่องของการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เนื่องจากพยากรณ์อากาศในเกาหลีนี่ไม่แม่นเลย ดังนั้นแนะนำว่าเตรียมไปให้มากที่สุดเท่าที่กระเป๋าและน้ำหนักจะแบกไหวคะ เราไปต้นเดือนธ.ค. หิมะเริ่มตกแล้ว อากาศหนาวมาก ติดลบหนึ่งถึงสองหลัก บางคนอาจจะคิดว่าไปซื้อที่นั่นเอาก็ได้ ถ้าใครไปใน Seoul ก่อนก็อาจจะซื้อได้ พอดีเราไปโซนแถบต่างจังหวัดก่อน วันแรกๆนี่ไม่ได้ช็อปปิ้งเลย พร้อมไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
ส่วนใหญ่ที่ซื้อไปใช้แล้วเวริ์คเห็นจะเป็น Heattech ของ Uniqlo Legging เท่าที่ลองมาอันนี้ดีสุดนะ (ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมาเชียร์สินค้า) คือ heattech มันจะทำงานเวลาเราเดิน ออกแรง รู้สึกได้เลย จริงๆเราว่าที่ควรจะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมากๆ คือ มือ ถุงมือนี่สำคัญมากๆ คนที่ถ่ายรูปจะลำบากหน่อย ถอดถุงมือถ่ายนี่โคตรทรมาน (แต่ก็ยอม มาทั้งทีขอเก็บภาพหน่อย) ถุงเท้าด้วยคะ มืออุ่น เท้าอุ่น ช่วยได้มากๆ ใครจะเตรียมพวก heat pack ถุงร้อนไปก็ดี ช่วยได้เหมือนกัน ซื้อได้ที่ Daiso อันนีี้มันจะไม่ร้อนทีเดียวนะ ต้อง warm up ก่อน 

ใครที่ติด internet เหมือนเรา บ้า check in ใน foursquare โพส instagram chat ต่างๆ คงขาด internet ไม่ได้เหมือนกัน ทางเลือกสุดประหยัดคะ แนะนำเช่า Router ที่โน่นของ LG U+ ถูกกว่าเปิด Roaming มากมาย ตกวันละ 5000 วอน shared ได้สูงสุด 10 คน คนนึงก็ตกวันละ 15 บาทเอง ยืมเครื่องที่เคาน์เตอร์ในสนามบิน และคืนเครื่องที่นั่นได้เลย สะดวกมาก network coverage ก็ไปได้ทั่วทั้งประเทศเลย คุ้มมากๆ

สุดท้ายแล้ว อย่างที่เล่าลือกันว่าตม.เกาหลีโหดมาก แต่ที่เราสัมผัส เราว่าผ่านง่ายมากๆเลยนะ คือ จริงๆถ้าเจตนาบริสุทธิ์จะไปเที่ยว ไม่ได้จะไปทำอะไรผิดกฎหมาย หรือหนีเข้าเมือง เราว่าเค้าก็ดูออกนะ แต่ก็เตรียมเอกสารไปให้ครบ เช่น หนังสือรับรองการทำงาน พาสปอร์ตเล่มเก่า หากบางคนเพิ่งเปลี่ยนพาสปอร์ตใหม่ มีเพื่อนเราเปลี่ยนชื่อและนามสกุลไป ก็โดนเรียกเข้าห้องไปถาม เพื่อนเราก็แสดงเล่มเก่าให้เค้าดู ก็ไม่มีอะไร

จบแล้วภาคการเตรียมตัว ที่เหลือจะพาตะลุยเที่ยวตามเมืองต่างๆหละคะ :)

รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 2) : ซกโซ (Sokcho) โซรัคซาน (Soraksan) 
รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 3) : Yongpyong Ski Resort (ยงเพียว) และ ฟาร์มแกะ Daegwallyong 
รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 4) : เกาะนามิ (Namiseom) และ Everland (เอเวอร์แลนด์) 
รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 5) : ปูซาน (Busan) 
รีวิว เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 6 : โซล (Seoul)

3 ความคิดเห็น:

  1. รออ่านภาค 2 ฮะ

    ตอบลบ
  2. ชอบๆๆ รอ อ่านต่อภาคถัดไป :D

    ตอบลบ
  3. อ่านสนุกมาก รอภาคสองครับ ^^

    ตอบลบ