ความเดิมตอนที่แล้ว :
มาถึงตอนสุดท้ายของรีวิวทริปโอกินาวาแล้วนะคะ ขอเขียนรวบวันที่ 4-5 เข้าด้วยกันเลยแล้วกัน หลังจากที่เราเช็คเอาท์ออกจากที่ Okinawa Marriott Resort & spa แล้ว เราก็ไปกันที่แหลมเฮโดะ (Hedo Misaki) ซึ่งเป็นจุดเหนือสุดของเกาะโอกินาวา พอไปถึงจุดจอดรถก็เดินอีกนิดหน่อยคะ สังเกตพื้นที่รอบด้าน แลดูเป็นภูเขามาก พื้นที่ในส่วนที่ไม่ได้เทปูนทำทางเดินนี่เป็นหินๆอยู่เลย ที่ปลายแหลมมีก้อนหินยักษ์ตั้งอยู่ มีตัวอักษร Sokoku Fukki Tousou hi หมายถึง อนุสาวรีย์ที่ระลึกการต่อสู้เพื่อให้โอกินาวาซึ่งตกอยู่ภายใต้การดูแลของอเมริกาหลังสงครามกลับมาเป็นจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นอีกครั้งแหลมเฮโดะนี้ อยู่ระหว่างทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก จากจุดนี้เราจะชมวิวทะเลได้สวยทีเดียวคะ เดินไปอีกนิด ใกล้ๆกันจะเจอรูปปั้นไก่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีความหมายว่าอย่างไร แหลมเฮโดะนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน คุนิงามิ โดยตัวถ้ำยื่นออกมาทางเหนือของเกาะ ตรงนี้คลื่นซัดฝั่งแรงมากๆ ลมเย็น ตัวปลิวกันเลยทีเดียว มีป้าย may peace prevails the earth คนที่นี่คงจะเจ็บปวดมากกะภาวะสงครามโลกในอดีตจากแหลมเฮโดะ เราจะตรงไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (okinawa churaumi aquarium) ซึ่งเป็น highlight ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ชูราอุมิ เป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับสองของโลก okinawa churaumi aquarium นี้ตั้งอยู่ใน Ocean Expo Park มาถึงก็จอดรถกันก่อน ที่จอดรถจะอยู่ด้านบน จำตำแหน่งกันดีๆนะคะ ที่นี่มันกว้างมาก จากนั้นเราก็เดินลงตามบันไดมาคะ สะดวกมาก มีบันไดเลื่อนให้ ลงมาด้านล่าง เค้าก็ประดับตกแต่งต้นไม้ดอกไม้เป็นตัวสัตว์รูปต่างๆ เข้ากะบรรยากาศ aquarium
จุดสังเกตเห็นวงเวียนอันนี้ ให้เดินไปทางขวาอีก เพื่อไปยัง aquarium ถ้างง ถามเค้าเอาก็ได้คะ คนญี่ปุ่นใจดี เดินไปอีกนิด ใกล้ถึงแล้ว เห็นทางเข้าด้านหน้าอย่างนี้ ก็แสดงว่าเดินมาถึงแล้วคะ churaumi aquariumซื้อบัตรเข้าชมกันก่อน ราคา 1850 เยนบัตรเข้าชมน่ารักเชียวเวลาทำการ เค้าเปิด 08.30-20.00 เค้าห้ามเอาไม้ selfie เข้านะคะ เดินเข้ามาถึง ก็จะเห็นพวกปลาดาว อันนี้เค้าอนุญาตให้เราจับได้นะคะ แต่ข้อแม้ คือ อย่ายกตัวปลาลอยออกมา ต้องให้เค้าสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะมีแท็งค์ปลาหลากหลายชนิด
lobster
ทีเด็ดที่นี่ คือ ห้อง Kuroshio sea เป็นห้องที่ได้ชื่อมาจากกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอของญี่ปุ่น ซึ่งน้ำทะเลไม่ามารถผ่านเข้ามาได้ ห้องนี้เป็นแท็งค์ที่ใหญ่ที่สุด มีฉลามวาฬยักษ์อยู่ถึง 3 ตัว (เสียใจ ช็อตที่เห็น 3 ตัวพร้อมกัน ทำได้แค่นี้จริงๆ)ปกติ เราเป็นคนไม่ชอบสัตว์เท่าไรนะ แต่ตู้นี้เหมือนเป็นตู้ปลาต้องมนต์ สามารถยืนมองได้นานๆ เพลินเลย ขอบอกว่าประทับใจมากๆในแท็งค์จริงๆมีปลาชนิดอื่นรวมอยู่ด้วยนะคะ สิ่งที่เราพลาดไป คือ Explore Kuroshio ใครไปทันเวลาอย่าลืมไปชมคะ ไปชมด้านบนของแท็งค์ เดินไปอีกนิด มีตู้ปลาฉลามโดยเฉพาะ เดินออกมาเจอตู้นี้ เก๋มาก คือ เหมือนเป็นตู้สติ๊กเกอร์ แต่เป็น postcard มีถ่ายรูปเราลงไปบน postcard ด้วย กิ๊บเก๋ 500 เยนจากนั้นเราก็ไปที่บ่อ dolphin lagoon ไปโชว์ปลาโลมากันคะ แต่ละตัว โชว์ความสดใสมาก ปิดท้ายก่อนออกจาก ocean park expo ด้วยน้ำแข็งใสรสมะม่วง เย็นชื่นใจ แต่กินยากชะมัด จากนั้นเราก็ไปกันที่ แหลมมันซะโม (cape manzamo) แหลมมันซะโมนี้เป็นแหลมที่ยื่นออกมาในทะเล คล้ายกับงวงช้าง เกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติหน้าผาที่นี่ ทะเลตรงหน้าคือทะเลจีนตะวันออกช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการที่นี่ น่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ อย่างโรแมนติก ทะเล พระอาทิตย์ตกดิน ลมเย็นๆ ฟ้าใสๆ จากนั้นเราก็กลับโรงแรมกันคะ เตรียมไปเช็คอินที่ ANA interconinental hotel ซึ่งจาก cape manzamo นี้ก็มองเห็นโรงแรมเราด้วยนะ อ่านเพิ่มเติมได้ในรีวิวส่วนโรงแรมคะ ==================================================================
วันสุดท้ายของทริป หลังจาก check out จาก ANA interconinental hotel เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปหาข้าวเช้ากินกันคะ ที่ Caanilani Hawaiian Pancake Houses ไม่ไกลจากโรงแรมเรานัก บรรยากาศภายในร้าน เมนูเครื่องดื่ม ชากาแฟ ก็มาเติมน้ำเชื่อม นมกันเองพระเอกของเรา คือ จานนี้ nuts nuts pancake อร่อยมาก แป้งแพนเค้กนุ่ม ส่วนที่ราดก็อร่อย ทานกะกล้วยเข้ากันส่วนอันนี้ chopped chocolate pancake ก็ใช้ได้ แต่แห้งไปนิด น่าจะต้องสั่ง whipped butter มาทานเพิ่มสรุป อร่อยใช้ได้นะ แต่คำเตือนก่อนสั่ง ชิ้นแพนเค้กมันใหญ่มากกกก
หลังจากหม่ำๆเสร็จแล้ว เราก็มาช็อปปิ้งเก็บตกกันที่ Ashibinaa outlet ที่เรามากันในวันแรก ใครอยากเก็บแก้ว starbucks มาเก็บได้ที่นี่เลยคะ ที่นี่แปลกดี starbucks ไม่ได้มี okinawa mug ทุกสาขา ไม่เหมือนเมืองอื่นๆในญี่ปุ่นก่อนกลับ เราก็ต้องไปคืนรถกันก่อนที่ OTS rent a car สาขา Naha airport ขอบอกว่าอยู่ใกล้กับ outlet มากๆ ก่อนคืนรถ ก็เติมน้ำมันก่อนคะ ปั๊มน้ำมันก็อยู่ตรงก่อนที่คืนรถนั้นแหละ สะดวกมากๆ เติมสีแดง Regular เติมคืนเต็มถังก็ 4634 เยนที่ OTS rent a car ก็จะมี shutter bus ไปส่งเราที่สนามบินด้วย สะดวกมากๆ ออกทุ่กครึ่งชั่วโมง บนรถก็มี wifi ให้ใช้ด้วยTips สำหรับคนอยากช็อปปิ้ง ขอให้ไปลงที่ Domestic terminal ก่อน ที่นี่ Domestic terminal ใหญ่กว่า International terminal เยอะ ของที่ขายก็เยอะกว่ามากๆ
อันนี้เป็นเล็กๆน้อยๆตัวอย่างสำหรับของฝาก เผื่อเป็นไอเดียว่าซื้ออะไรกลับมาดี
ถ้ามีฝั่ง international terminal มีแค่นี้จริงๆ สำหรับที่ช็อปปิ้ง ไม่มีสารพัดขนมอย่าง domesticเครื่อง delay อีกแล้ว คราวนี้ดีหน่อยแค่ครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั่งรอ เราก็นั่งทานข้าวปั้นร้านนี้ ก็พอกินได้ แต่ไม่ได้เด็ดในที่สุด เครื่องเราก็มา จาก okinawa ไปต่อเครื่องกันที่ hong kong เหมือนเคยระหว่างรอ transit ประมาณ 3 ชม. จัดข้าวหน้าห่าน หมูแดงไป ฟินเลย การเดินทาง ก็สิ้นสุดลง ไฟล์ทฮ่องกงต่อมากทม. ถึงที่นี่ราวเที่ยงคืนได้ เป็นอันว่าปิดทริป โอกินาวาอย่างสวยงาม เที่ยวทั่วเกาะจริงๆ โอกินาวามีดีมากกว่าที่คิดไว้มาก ถ้ามีโอกาส ขอให้ได้มาลองมาเที่ยวกันสักครั้งคะ ค่าเสียหายคร่าวๆ 5 วัน 4 คืน ก็ประมาณ 32,000 บาทต่อคนเท่านั้น ไม่รวมค่าช็อปปิ้ง
- ค่าตั๋วเครื่องบิน 10,000 บาท
- ค่าโรงแรม 10,000 บาท
- ค่ารถ 25000 เยน ต่อ 2 คน ก็ 3500 บาท
- ค่ากิน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ค่าน้ำมัน จิปาถะตลอด 5 วันคนละ 30,000 เยน ก็ 8,500 บาท
ขอบคุณที่ติดตาม เจอกันใหม่ ทริปหน้า :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น