ปกติเราเป็นคนที่ไม่เคยไปเที่ยวกับทัวร์เลย เคยมีบ้างที่ไปทริปแบบจัดเองแล้วไปซื้อ one day tour ไรงี้ ...แต่รอบนี้ตลอดทริปไปกะกรุ๊ปทัวร์ล้วน ซึ่งถือเป็นทัวร์มาก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเรา แถมระยะเวลาที่มาเที่ยวก็สั้นมากกกๆ 4 วัน 2 คืนเท่านั้น มาดูกันว่าไปไหนกันได้บ้าง...ปล. ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะรีวิวทริปนี้ รูปเลยขาดตกบกพร่องไปมาก ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ว่าอาจจะไม่ละเอียดเหมือนทริปก่อนๆ
---------------------------
วันที่ 1
เริ่มแรก เราบินด้วยสายการบิน cathays ซึ่งจะออกเดินทางจากกทม.ประมาณ 1 ทุ่มกว่าแล้วก็นั่งเครื่องไป transit ที่ฮ่องกงอีก
---------------------------
วันที่ 2
สุดท้ายถึง narita airport ก็เช้าพอดี ก็เที่ยวได้เลย ข้อดีของการไปกะทัวร์ คือ เค้าจัดการให้หมดนั่นเอง พอไปถึงก็มีรถบัสมารับ ขึ้นรถไปก็แจกข้าวเหนียวหมูทอดที่เค้าหอบหิ้วมาจากไทยให้เรา จากนั้นนั่งรถเข้าเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงจุดเที่ยวแรก คือ Sensoji temple (วัดเซนโ
ซจิ) หรือหลายๆคนชอบเรียกว่าวัด Asakusa (อาซากุซะ) นั่นเอง เนื่องด้วยไปถึงเช้ามาก ประมาณ 8 โมงเช้าเองมั้ง คนก็น้อยดีคะ จากนั้นก็มีชมวิวที่ริมแม่น้ำ sumida river ก็จะเห็น tokyo skytreeจากนั้นก็นั่งรถออกจากโตเกียว มุ่งหน้าสู่ฮาโกเน่ ระหว่างทางโชคดีมาก เห็นภูเขาไฟฟูจิชัดมากณ จุดพักรถ ใบไม้แดงยังมีให้เห็น ณ ช่วงกลางเดือนธันวาคมจากนั้นเค้าก็พาไปทานอาหารกลางวันริมทะเลสาปฮาโกเน่
ซจิ) หรือหลายๆคนชอบเรียกว่าวัด Asakusa (อาซากุซะ) นั่นเอง เนื่องด้วยไปถึงเช้ามาก ประมาณ 8 โมงเช้าเองมั้ง คนก็น้อยดีคะ จากนั้นก็มีชมวิวที่ริมแม่น้ำ sumida river ก็จะเห็น tokyo skytreeจากนั้นก็นั่งรถออกจากโตเกียว มุ่งหน้าสู่ฮาโกเน่ ระหว่างทางโชคดีมาก เห็นภูเขาไฟฟูจิชัดมากณ จุดพักรถ ใบไม้แดงยังมีให้เห็น ณ ช่วงกลางเดือนธันวาคมจากนั้นเค้าก็พาไปทานอาหารกลางวันริมทะเลสาปฮาโกเน่
ออกมาหลังร้าน เห็นวิวเป็นแบบนี้เลยจากนั้นทัวร์ก็พานั่งรถไปอีกนิดนึง เพื่อไปขึ้นเรือชมวิว ขอบอกว่าเหมือนเรือข้ามฟากมาก นั่งไปประมาณ 5 นาทีเองมั้งถึงแล้ว 5555มาลงที่ท่าตรงนี้ จบจากที่นี่ เค้าก็พาไป Gotemba outlet อันนี้ไม่มีรูปเลย มัวแต่ช็อป อิอิ....ข้อแนะนำ ก็คือ เข้าเว็บไซด์ เค้าไปดูก่อนเลยว่ามีแบรนด์อะไรที่เราสนใจบ้าง ดูสถานที่ตั้งคร่าวๆ เพราะหากคุณมีเวลาจำกัด จะเดินให้ทั่วนี่เป็นไปได้ยากมาก เพราะ outlet ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว
จากนั้นก็เข้าที่พักคะ คืนนี้พักที่ Fuji premium resort โรงแรมนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว อาจจะงงๆกะตึกเล็กน้อย อาทิเช่น ตึกนี้เป็นตึกที่พักของเราแต่เวลาทานข้าวเช้า ข้าวเย็นต้องเดินไปอีกตึกนึง (จริงๆก็ใกล้ๆกัน เดินประมาณ 2 นาที) แต่ถ้าจะไปออนเซนก็อีกที่นึง เดินไปอีกประมาณ 5 นาที มาดูห้องพักกันบ้าง ห้องใหญ่ทีเดียว บางทีก็คิดว่าใหญ่ไปสำหรับการนอน 2 คน
ห้องน้ำ อีกหนึ่งอย่างที่ชอบของห้องคือจุดนี้ ตอนเช้า แค่นั่งเฉยๆตรงนี้ก็รู้สึกดีแล้วลงมาด้านล่าง ก็มี entertainment corner เล็กๆ ตู้สติ๊กเกอร์ เล่นเกม กดของเล่น มีเครื่องแลกเหรียญไว้ด้วย สะดวกดีตามสไตล์ญี่ปุ่น ต้องมีตู้กดน้ำ กดเบียร์
ที่ชอบ คือ มีตู้กดน้ำแข็งให้ด้วย เหมาะกะคนชอบกินน้ำแข็งอย่างเรา แม้หนาวแค่ไหนก็ชอบกินน้ำใส่น้ำแข็งอยู่ดี เครื่องซักผ้าก็มีให้บริการ อันนี้คงเหมาะกะคนที่มาหลายวันหน่อยข้ามมาที่อีกตึกนึง ตึกที่บอกว่าเป็นตึกไว้ทานอาหาร ด้านล้างเป็น lobby check in counter ของโรงแรม แล้วก็มี minimart ข้างล่าง ขายของใช้ทั่วไป ขนม เครื่องดื่ม ของฝากเราทานมื้อเย็นกันที่ห้อง Top of forest ชั้น 5เป็น buffet นะคะ ทีเด็ดอยู่ที่มีขาปูอย่างอื่นก็ธรรมดา ทั่วไป
---------------------------
วันที่ 3
เช้ามาก็ทานอาหารเช้าที่นี่ก่อน ไม่มีรูปให้ดูอีกแล้วว่าไลน์อาหารเป็นยังไง....จากนั้นก็เช็คเอาท์ แล้วก็ออกเดินทางต่อคะ เรามุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งปกติขึ้นได้สูงสุดโดยใช้รถที่ชั้น 5 แต่ก็แล้วแต่สภาพอากาศในวันนั้นๆว่าเค้าอนุญาตให้ขึ้นถึงชั้นที่เท่าไร วันที่เราไปขึ้นไปได้ถึงชั้น 4 ที่เรียกว่า Ohsawa parking สูง 2020 เมตร แต่หมอกก็ลงหนักมาก ไม่เห็นอะไรอยู่ดีจากนั้นลงมาก็ทานข้าวอีกแล้วคะ เป็นเทปันยากิหมูย่าง เตาถ่านภูเขาไฟที่ Yogan Onsenแต่เราว่าทีเด็ด มันอยู่ที่เนื้อมากกว่า อันนี้ไกด์สั่งเพิ่มมาให้แชร์กันปิดท้ายมื้อด้วยไอติม มีให้เลือกเป็นวานิลากะชาเขียว เพิ่งรู้ว่า soft serve แบบนี้ คือ เค้าจะใช้ไอติมก้อน พอเข้าเครื่องไปก็ออกมาไอติมแบบนี้เลย แลดูง่ายมากจากนั้นเราก็เดินกลับเข้าสู่โตเกียวกันคะ พอไปถึงก็ไปเที่ยวที่ศาลเจ้าเมจิต่อเลย ตรงทางเข้าก็เป็นบรรดาถังสาเกก่อนเข้าวัดตามธรรมเนียมก็อย่าลืมล้างมือชำระร่างกายให้สะอาดก่อนวันที่ไปนี่ฝนตกพอดีเลย ชุ่มฉ่ำกันไปที่วัดอื่น เสาโทริมักจะเป็นสีแดง แต่ที่นี่เป็นสีไม้เลยเข้ามาด้านในจะเจอต้นไม้คู่รักบรรยากาศภายในควันหลงใบไม้แดงยังพอมีให้เห็นจากนั้นเค้าก็ปล่อยให้เราไปเดินเล่นตามอัธยาศัยที่ชิบูย่า เราก็เลยหนีมากินซูชิที่ Kizuna Sushi Shinjuku เนื่องจากตลอดทริป ปลาดิบ ข้าวปั้นยังไม่ตกถึงท้อง เหมือนไม่มาถึงญี่ปุ่น โดยรวมร้านนี้ก็พอใช้นะฮะ ราคาถูกมาก เวลากินปลาดิบที่ญี่ปุ่นแล้ว ไม่ค่อยอยากกลับไปกินที่ไทยเลย เพราะรู้สึกว่าราคาต่างกันมหาศาลหน้าร้านเดินออกมามองดีๆก็จะเจอเจ้าก๊อดซิล่า (godzilla) ที่อยู่บน hotel gracery shinjukuจากนั้นก็ได้เวลามื้อเย็น ไปกินที่ Kani doraku ร้านปูดังมีหลายสาขา
จากนั้นก็เข้าที่พัก คืนนี้พักที่ Hotel sunshine city price ikebukoro กระชากความรู้สึกจากที่พักคืนก่อนมาก คือ ห้องกลับมาเล็กตามปกติ 555วิวจากห้องตอนเช้าห้องน้ำ จากนั้นเราก็แอบหนีทัวร์คะ ไหนๆมาช่วงใกล้ๆ x'mas ทั้งทีที่ญี่ปุ่นเค้าจะมีประดับไฟจนถึงวันที่ 25 ธ.ค. เราก็เลยไปดู winter illumination ที่ Tokyo midtown จากโรงแรมเดินไปสถานีรถไฟก็ไกลเหมือนกัน กิโลนึงได้ เราก็นั่งจาก Ikebukoru ไปลง Roppongi แล้วก็เดินต่ออีกหน่อยก็ถึง Tokyo midtown คะ ไฟประดับเหมือนปีที่แล้วที่ไปมาเลย แต่มาดูอีกทีก็ยังชอบ (แค่ตื่นเต้นน้อยลง)เค้าเปิดไฟจนถึง 5 ทุ่มนะคะ เผื่อใครจะไป วางแผนเรื่องเวลากันด้วย
---------------------------
วันที่ 4
วันสุดท้ายของทริป หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้ว ก็ไปอิออน ที่อยู่ใกล้ๆกับนาริตะแอร์พอร์ต เค้าก็ปล่อยให้เราช็อปปิ้ง จากนั้นก็มาปิดท้ายมื้อนี้ที่ บุฟเฟต์ชาบูก่อนกลับคะ
สรุปแล้ว เที่ยวทัวร์จะสบายมาก เดินน้อยโคตร ไม่ต้องลากกระเป๋าให้ลำบากชีวิต น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่วพกมาให้ครบ อยากรู้อะไรถามเค้าได้ มีไกด์ที่พูดภาษาญี่ปุ่นช่วยได้...แต่ก็ยังชอบไปเที่ยวเองมากกว่าอยู่ดี แม้จะเหนื่อยมากตั้งแต่ตอนวางแผนทำทริป แต่เราก็ได้ไปที่ที่เราอยากไปจริงๆ ตามความสนใจของเราและคนร่วมทริป อยู่ได้นานตามใจเราต้องการในที่ที่เราชอบ อาหารเลือกได้ตามใจชอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น