ความเดิมตอนที่แล้ว :
เช้านี้เราก็ check out กันจาก Mercure Hotel Naha เตรียมตัวออกเดินทางกันคะ ขับรถมุ่งตรงไปทางเหนือของเกาะ จุดแวะเที่ยวที่แรกของเรา คือ Katsuren Castle Site จุดจอดรถอยู่ตรงข้ามกะปราสาทคะ ตรงก่อนข้ามถนนมาเค้าจะมีจำลองให้ดูคร่าวๆถึงหน้าตาปราสาทนี้ตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้กับ Katsuren cape ทางเดินก็ชันนิดหน่อย แต่ดีมีบันไดทุ่นแรงให้เดินสะดวกที่นี่จัดว่าเป็น world heritageเห็นจากรากอันใหญ่โตของต้นไม้คงบ่งบอกได้ถึงอายุของที่นี่โครงสร้างของตัวปราสาทรับเอาวัฒนธรรมมาจากทั้งจีนและเกาหลีมาปรับใช้ ตัวปราสาทถูกทำลายลงจากภัยธรรมชาติและไฟไหม้ ปัจจุบันเหลือแค่กำแพงที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ที่เราชอบของที่นี่ก็ตรงที่มันติดกะทะเลนี่แหละ วิวสวยทีเดียว ถ่ายรูปเพลินเดินเล่นด้านล่างกันเสร็จแล้ว เราก็จะเดินไปด้านบนกันบ้างขึ้นมาสูงขึ้นก็เห็นวิวที่กว้างขึ้นจริงๆ มันก็สวยอย่างที่เห็นในรูปนะคะ ฟ้าใส ทะเลสวย หญ้าเขียว แต่ขอบอกว่าร้อนมากๆๆๆๆ แต่นั่นไม่ได้หยุดทำให้ความพยายามของเราลดลง มาทั้งทีต้องไปให้ถึงยอดขึ้นมาจนสุด ถ่ายย้อนกลับไป เห็นลานด้านล่างที่เราจอดรถ เรามากันไกลจริงๆวิวด้านบน กลับหละคะ ร้อนเหลือเกิ้น ทางลง ก็มีส่วนของบันได และทางเดินหิน รักสบายอย่างเราก็บันไดอยู่แล้วเราไปต่อกันที่ Busena Underwater Park อันนี้ใกล้กับที่พักของเราในคืนที่ 3 มาก คือ Okinawa Marriott Resort & spa แต่เรายังไม่ได้แวะไปเช็คอินคะ ไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยเข้าไปเช็คอินทีเดียวตอนเย็น
Busena underwater park นี้ตั้งอยู่ใน busena resort (โรงแรมบุเซน่ รีสอร์ท) ตอนที่จะเข้าไปจอด พนักงานเค้าก็จะถามว่าเราจะไปไหน ก็บอกเค้าไปว่ามา underwater observatory ก็จอดรถด้านหน้า แล้วค่อยเดินไปคะ จากจุดจอดรถเดินไปนิดเดียวก็จะเห็นหาด ถ้าใครพักที่นี่ก็ใกล้ beach เลย ก่อนอื่นก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมก่อน ที่นี่จะมีให้บริการทั้ง glass boat และ underwater observatory จะซื้อตั๋วแยก หรือควบทั้งสองอย่างก็ได้ อันนี้เป็นอัตราค่าบริการ เราซื้อเป็นทั้งสองอย่าง 2060 เยนตอนซื้อเค้าจะให้โบรชัวร์มาอ่านประกอบด้วย ชอบตรงที่บอกเกี่ยวกะพันธ์ุปลาอันนี้เวลาทำการของแต่ละอย่างคะ จากตรงจุดซื้อตั๋ว เดินไปไกลพอควร ประมาณ 10 นาทีเราเลือกไปลง glass boat ก่อนคะ เรือเป็นรูปปลาวาฬ มีสองลำ ขาว ดำ ถึงท่าลงเรือแล้วเราจะไปลำนี้กันคะ ปลาวาฬสีขาว glass boat เป็นเรือท้องกระจก ตรงท้องเรือเป็นกระจกใส ตรงกลางก็จะกั้นเป็นกระจก เราก็นั่งกันได้ริมๆทั้งสองด้านวันไหนอากาศดี glass boat ก็จะเปิดให้บริการคะ ถ้าคลื่นลมเป็นใจ เราก็จะได้ล่องเรือไปแล้วเห็นปลาแหวกว่ายในทะเลกันแบบนี้กระจกเรือโค้งตามรูป มองออกไปเห็นวิวขณะเรือแล่นหลังจากเผชิญแดดอย่างหนักหน่วงมาติดๆกัน เห็นป้าย cafe ปุ๊บ ขอหลบไปพักก่อน cafe terrace bankoku shinryokan ตั้งอยู่ในส่วนของโรงแรม เดินขึ้นเนินไปอีก
ร้านวิวดีคะ มองลงมาเห็นทะเล มีให้เลือกส่วนของ indoor และ outdoor ส่วนเราจุดนี้ต้องการแอร์คอนดิชันเนอร์มาก นั่ง indoor แน่นอนเมนูที่สั่ง สั่งตัวที่เค้า recommended หน้าแรกเลย คือ แพนเค้ก มาเป็น 3 รสชื่อดัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของโอกินาว่า นั่นก็คือ มันม่วง มะม่วง และ brown sugar จานนี้ดีงามมากเครื่องดื่ม โกโก้ กาแฟเย็น เฉยๆ มื้อนี้ 1830 เยน หลังจากได้พักแล้ว เราไปต่อกันที่ Busena underwater observatory คะ อันนี้เป็นหอสังเกตการณ์ใต้น้ำเพียงแห่งเดียวบนเกาะโอกินาวา
จากฝั่งเราก็เดินเชื่อมสะพานไปสู่หอกลางทะเลถึงที่หมาย ลงบันไดไปลุยใต้น้ำกันคะ ลงไปด้านล่าง เราสามารถชมวิวใต้น้ำระดับความลึกถึง 5 เมตรได้จากภายในหอที่ยื่นออกไปกลางทะเลนี้ ด้านล่้างจะมีหน้าต่างกระจกบุกรอบ สามารถเห็นปลาและปะการังใต้ทะเล
จากฝั่งเราก็เดินเชื่อมสะพานไปสู่หอกลางทะเลถึงที่หมาย ลงบันไดไปลุยใต้น้ำกันคะ ลงไปด้านล่าง เราสามารถชมวิวใต้น้ำระดับความลึกถึง 5 เมตรได้จากภายในหอที่ยื่นออกไปกลางทะเลนี้ ด้านล่้างจะมีหน้าต่างกระจกบุกรอบ สามารถเห็นปลาและปะการังใต้ทะเล
เจ้านีโม่ เนื่องจากหายากจัด โดนมาขังแยกไว้ให้ชม ถ้าถามความเห็นส่วนตัวเรา มาที่นี่ถ้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย หรือเวลาจำกัด ดูแค่ underwater observatory อย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องนั่ง glass boat ประทับใจกว่ากันเยอะเลย
จากจุดนี้เราขับรถขึ้นเหนือ ไปทัวร์ชมโรงงานผลิตเบียร์ Orion Happy Park ซึ่ง Orion เป็นเบียร์ประจำท้องถิ่นยี่ห้อดังของโอกินาวาช่วงที่เราไป เค้าจัดงานครบรอบกี่ปีไม่แน่ใจ มีกิจกรรมเพียบ บรรยากาศการตกแต่งโรงงานเลยดูลัลล้ามาก ไปถึงก็ลงชื่อทัวร์โรงงาน ชมกระบวนการการผลิตเบียร์คะ แต่ไกด์ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ของโรงงาน orion พูดแต่ภาษาญี่ปุ่นนะคะ
แต่ละจุด หลังการบรรยายเค้าจะมีให้สแตมป์ พอครบก็เอาไปแลกเบียร์ฟรีได้คะ เบียร์เค้านุ่มจริงๆ พอออกมาเค้าก็มีกิจกรรมให้ทำอีก เช่น ทำถาดรองแก้ว ดนตรีสด ฯลฯ ชื่นชมใน service minded ของคนที่นี่จริงๆคะ ให้เข้าชมก็ฟรี แต่บริการด้วยใจ แนะนำโน่นนี่ตลอดอีกต่างหาก จากโรงงานเบียร์ เราไปแวะทานข้าวเย็นกันที่ Kajinho: Pizza in the sky คะ ร้านนี้เค้าหยุดวันอังคารพุธ ถ้ามาก็อย่าให้ตรงกะวันหยุดคะ ทางเข้ามาที่ร้านโหดใช้ได้ เป็นทางขึ้นเขา ถนนแบบเลนส์เดียว สวนกันนี่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงถอย เห็นทางมาร้านแล้ว สงสัยมากร้านนี้ดังได้อย่างไร ร้านก็ลึกลับ แต่มาถึงแล้วไม่แปลกใจเลยคะ ร้านนี้เป็นบ้าน ดัดแปลงมาทำเป็นร้านอาหารจะนั่งด้านนอกของตัวบ้านก็ได้ ในตัวบ้าน ดูพื้นบ้านมากๆจะเข้ามานั่ง ก็ต้องถอดรองเท้าก่อนนะจ๊ะเห็นร้านแบบนี้คนเพียบนะจ๊ะ ตอนเราไป ยังต้องรอโต๊ะอยู่แป๊บนึงเลยร้านเค้าเปิดมานาน 15 ปีครัว ในร้านก็แต่งกุ๊กกิ๊กน่ารัก เมนูทานที่ร้านมีแค่นี้ แค่นี้จริงๆ คือ สลัด พิซซา น้ำ แล้วก็ของหวาน main course มีแค่นี้ เค้าก็มั่นใจมากว่าเค้าทำได้เด็ดจริงๆ อย่างพิซซ่าก็เลือกหน้าไม่ได้นะ เลือกได้แต่ขนาด อันนี้ส่วนเมนู takeoutพอได้ชิมแล้วก็เข้าใจ ว่าทำไมร้านนี้เค้าถึงดัง สลัด ผักก็สด น้ำสลัดก็ทำรสชาติกำลังดีพิซซ่า ชีสหยาดเยิ้ม ทานร้อนๆ เด็ดสุดๆ น้ำมะม่วงacerola juicechilled mango slice อันนี้แช่เย็นมาแข็งมาก แนะนำให้เค้า served มาพร้อมกะตั้งแต่อาหารเลย ไม่ต้องมาทีหลัง จะได้ละลายทันกินที่ว่าเป็น pizza in the sky ก็เพราะวิวด้านนอกร้านคะ มัน in the sky จริงๆ วิวดี๊ดีค่าเสียหายมื้อนี้ 2800 เยน ก่อนกลับเข้าห้องน้ำ ยังประทับใจในความกุ๊กกิ๊ก นี่ส่วนของที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก น่ารักเว่อ จากนั้นเราตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันคะ ไปที่สะพาน Irabu เป็นสะพานโทลเวย์ที่ไม่เก็บค่าบริการที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ขอบอกว่าขับรถผ่านสะพานนี้ตอนเย็นๆ แสงทไวไลท์นี่มันโรแมนติก ฟินสุดๆวิวจากบนสะพานคะ เราข้ามสะพานไปจะเป็นเกาะ Kouri เราไปที่ Kouri Ocean Tower กันมาที่นี่เพื่อเก็บวิวสะพานนี้กันคะ เสียดายมาก จริงๆแบตกล้องหมดตั้งแต่ถ่ายสะพานตอนที่ยังไม่ข้ามมาหละ เลยได้แต่เก็บภาพผ่าน iphone ขอบอกว่าบรรยากาศดีมาก แม้จะไม่ได้ถ่ายรูปได้ shot สวยงามตามใจยาก แต่ภาพในความทรงจำยังคงงดงามสำหรับสถานที่นี้ สุดท้าย เราก็กลับโรงแรมไปเช็คอินกันคะ คืนนี้นอนที่ Okinawa Marriott Resort & spa ตามอ่านรีวิวโรงแรมได้ในลิงค์ รอติดตามตอนหน้า คิดว่าน่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วคะ สำหรับทริป โอกินาวา :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น