ความเดิมตอนที่แล้ว :
มาต่อวันที่สองของทริปกันคะ วันนี้จะเป็นวันแรกที่เราขับรถเที่ยวกันคะ หลังจากที่เราจองรถไว้ล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซด์ของ OTS rent a car แล้ว จุดรับรถที่เราเลือกไว้ คือ Tsubogawa branch ซึ่งก็คือ ที่ lobby ของโรงแรมที่เราพัก Mercure Hotel Naha เราก็ปริ๊นท์เอกสารการจองมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ การรับรถก็ไม่ได้ยากอะไร เจ้าหน้าที่ก็แนะนำข้อตกลงของการเช่ารถและคืนรถเล็กน้อย พร้อมให้เอกสารประกอบการขับรถเที่ยวในโอกินาวา แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจากนั้นเราก็ไปรับรถกันคะ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ตรวจสภาพรถก่อน ก็เช็คดูถ้าไม่มีรอยอะไรใหญ่ๆก็ผ่านสบายให้เค้าตั้งค่าภาษา GPS ให้เป็นภาษาอังกฤษให้หมดและสอนการใช้งานเบื้องต้น ถึงแม้ว่าเปลี่ยนเมนูให้เป็นภาษาอังกฤ๋ษแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษไปหมดทั้งเมนูนะคะ มีบางเมนูส่วนใหญ่ด้วยเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ใช้งานได้ไม่ยากคะ เวลากดป้อนข้อมูลสถานที่ที่จะไปก็ใช้ได้สองแบบ คือ 1) เบอร์โทรศัพท์ 2) map code ในเล่มที่เค้าให้มา ก็จะมี map code สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่คะ การขับรถเที่ยว road trip ที่โอกินาวาไม่ยากคะ ใครขับรถที่ไทยได้ ขับที่โน่นได้ชัวร์ รถน้อยกว่าเยอะ พวกมาลัยอยู่ฝั่งเดียวกับไทย ที่โน่นเค้ามี speed limit ที่ 80km/hr อาจจะอึดอัดบ้างสำหรับคนไทย เพราะถนนมันโล่งมาก ถนนหนทางส่วนใหญ่ก็จะดีมาก ที่สำคัญ คือ วิวดี ที่จอดรถที่โอกินาวาก็หาไม่ยาก ตามห้าง โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็จะมีที่จอดรถมากเพียงพอเพื่อรองรับผู้ไปเยือน มีบางที่อาจจะเสียค่าจอดรถบ้าง เช่น โรงแรมที่พัก คิดคืนละ 500 เยน เวลาขึ้นทางด่วน ขาเข้าก็จะเป็นตู้อัตโตมัติ เรารับคูปองมา แล้วพอตอนขาออก ก็จะมีพนักงานคอยมาบอกว่าตกลงเราต้องเสียค่าทางด่วนเท่าไร โดยดูจากคูปองที่เรารับมาว่าผ่านมากี่ด่าน ที่นี่ด่านทางด่วนก็ชิลๆคะ ไม่ได้รีบเร่งอะไรแบบบ้านเรา ที่แรก ที่เราจะมาเที่ยวกัน ก็คือ Sefa Utaki อันนี้อยู่ในเขตเมืองนันโจ ไม่ไกลจากนาฮามากนัก ที่นี่เราต้องมาจอดรถเพื่อซื้อตั๋วเข้าที่ first parking lot กันก่อน เราก็เลยจอดรถกันตรงนี้แล้วเดี๋ยวค่อยเดินไปที่ Sefa Utakiกดซื้อตั๋วจากตู้อัตโนมัติได้เลยคะ ค่าเข้าคนละ 200 เยน จริงๆ จะขับรถขึ้นมาจอดด้านบนก็ได้นะคะ ตรงนี้เป็นวิวที่จอดด้านบนเข้าไปถึงเค้าก็จะมีโบวชัวร์แนะนำสถานที่ให้ พร้อมกับเป็นวีดีโอแนะนำสถานที่ว่าที่มาที่ไป ของที่นี่เป็นอย่างไร คร่าวๆ ก็คือ เส้นทางนี้ถือเป็นเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมจะเปิดให้กับพวกราชวงค์เท่านั้น มาทำการสักการะ ทำบุญ ขอพร แต่ตอนนี้ก็เปิดให้คนภายนอกได้เข้าชมและสถานที่นี้ก็จัดเป็น world heritage ด้วยคะจากนั้นเราก็เดินเข้าไปด้านในกันคะ ทางเหมือน trail แต่ไม่ลำบากมากนะ ไฮไลท์ของสถานที่อยู่ตรงนี้ เป็นช่องเขาที่แลดูทำให้ศักดิ์สิทธิ์ คือ ภายหลังของช่องเขา เราเดินเข้าไปก็จะเจอกับทะเล มุมนี้เลย ที่เค้าให้ผู้คนมาขอพรกัน จากนั้นเราเดินกลับมาที่ที่เราจอดรถกันคะ ตรงนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกของเมืองนี้ ด้านหน้ามีสัญลักษณ์ประจำโอกินาวาอยู่เจ้าตุ๊กตาคุณลุง Nanja สัญลักษณ์ประจำเมือง Nanjo น่ารักมากๆ อยากซื้อต้องซื้อที่นี่เท่านั้นนะคะ ไปที่อื่นไม่มีขายแล้ว อีกหนึ่งสิ่งฮิต เห็นมีขายทั่ว คือ เหล้างู น่ากลัวจัง ที่เด็ดสุด คือ วิวด้านหลังของร้านคะ ตรงนั้นจะมีคาเฟ่อยู่ด้วย หากใครอยากนั่งชมวิวนี้ แนะนำเลย แต่ไม่แน่ใจนะคะว่าร้านนี้อร่อยรึป่าว แต่วิวดีนี่รับประกันแน่นอน ฟ้าสวย น้ำใส จริงๆจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ Okinawa world เป็นศูนย์แสดงวัฒนธรรมดั้งเดิมของหมู่เกาะริวกิว มาถึงก็ซื้อบัตรกันก่อน ที่นี่แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ พิพิธภัณฑ์งูฮาบุ ถ้ำเกียวคุเชนโด และ หมู่บ้าน kingdom village บัตรเข้าชมก็แบ่งซอยย่อยออกเป็นหลายแบบเราซื้อเป็น cave + kingdom village 1240 เยน ตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ดูงู กลัวเค้าก็จะมีโบวชัวร์ให้ มีภาษาไทยให้ด้วยนะ ในนี้จะมีบอกเวลาคร่าวๆที่เราจะใช้ในการเดินดูถ้ำ ก็ประมาณครึ่งชั่วโมง มีรอบโชว์กลอง ก็ลองเลือกดูว่าในตอนที่เราไปเราควรดูอะไรก่อนหลังจะได้เที่ยวชมที่นี่ได้ครบถ้วนคะ เราไปเดินดูถ้ำ Gyokusendo cave กันก่อน ทางเข้ามีการตรวจบัตรที่เราซื้อมาเล็กน้อย ลงไปลึกพอควรอันนี้เป็นถ้ำหินปูนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หินงอกหินย้อยที่นี่เค้าบอกว่ามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เข้าไปเดินชมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันอลังการ และหินงอกหินย้อยเยอะมากๆ ที่นี่ชื่นชม คือ เค้าจัดเส้นทางเดินชมได้เป็นอย่างดี เป็นสัดส่วน เราแค่เดินตามสะพานเหล็กไป มีการติดไฟประกอบให้เดินได้อย่างง่าย ระยะทางเดินชมค่อยข้างไกลทีเดียว หลายกิโลอยู่ในบางช่วงของพื้นที่มีน้ำหลาก จนกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อย เค้าว่าถ้ำนี้มีอายุกว่า 300,000 ปี ไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่าหินงอกหินย้อยจะเยอะขนาดนี้ขากลับออกมาเป็นบันไดเลื่อนคะ ดูจากความสูงก็จะเห็นได้ว่าถ้ำที่เราลงไปเดินเมื่อกี๊นี้มันลึกมากๆจากนั้นเราจะไปส่วนของหมู่บ้าน kingdom village ไปดูการแสดงระบำกลองเอชากัน อันนี้เค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะคะ รูปที่ถ่ายไปตอนท้ายแล้วที่เค้าจะให้นักแสดงออกมาเชื้อชวนคนดูไปเต้นรำกัน ขอบอกว่าเพลงมันสนุกมากก จังหวะกลอง มันดูปลุกใจมาก นักแสดงดูตั้งใจจริงจัง บ้านเราเคยดูเชิดสิงโตอยู่แล้วอาจจะไม่ตื่นเต้นเท่าไร แต่เห็นฝรั่งชอบเลยตอนที่มีเชิดสิงโตตอนท้ายเค้าเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปกะนักแสดงได้คะ ภายในมีโรงกลั่นเหล้าฮาบุชู หรือเหล้าอะวาโมริดองงูฮาบุ บอกแล้วที่นี่เหล้างูฮิตจริง ขวดนึงก็แพงนะคะ เห็นราคาหลายหมื่นเยนภายในหมู่บ้าน มีให้เราแต่งกายแบบชาวโอกินาวาเพื่อถ่ายรูปด้วย คนละ 500 เยน อื่นๆภายใน kingdom village ก็จะเป็นการจำลองชีวิตของชาวบ้าน มีให้ร่วมทำ workshop เช่น ทอผ้า แกะสลักตัวอักษณ เป่าแก้ว เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น มื้อกลางวันค่อยมาทางบ่ายแก่ๆนี้ เรากินกันที่ Nantoya มากินokinawa soba กัน อันนี้จะมีเมนูแปะอยู่หน้าร้าน กดเลือกเมนู หยอดตังค์เองได้เลย จากนั้นก็เอาคูปองไปรับอาหารภายในร้าน อาหารมาแล้ว อันที่เป็นซุปกระดูกหมูอร่อยมาก ต้มมาอย่างเปื่อย เนื้อร่อนเลย จาก okinawa world เมือง nanjo เราจะกลับไปที่เมือง naha กัน ไปที่ ฐานทัพใต้ดิน Kaigungo Navy HQ cave พอมาถึงต้องขึ้นบันไดนี้เดินขึ้นไปคะ เมื่อยเลยแต่ขึ้นมาก็ได้เห็น city view สวยๆ คุ้มเหนื่อยที่นี่เค้าเปิด 8.30-17.30อันนี้เป็นทางเข้า ฐานทัพตอนนี้ได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ใครชอบแนวประวัติศาสตร์ อินกะสงครามโลกขอให้มาสัมผัสของจริงด้วยตัวเองใกล้ๆกันมีสุสานของท่านนายพลโอตะ ผู้ซึ่งบัญชาการทัพในสมัยนั้นและได้ปลดชีพที่นี่เพื่อรักษาเกียรติแทนที่จะยอมจำนนกับศัตรูค่าเข้าชม คนละ 440 เยน The former japanese navy undergroud นี้ถูกขุดลึกลงไปใต้ดินกว่า 450 เมตรบรรยากาศด้านล่างจะหลอนๆนิดๆ คือ เหมือนพอเราอ่านเรื่องมามาก มันก็จินตนาการถึงภาพว่าเราเดินอยู่ในฉากในหนังสมัยสงครามโลก มีคนตายอย่างไร ทุกข์ทรมานกันแค่ไหน แถมข้างล่างไม่ค่อยมีคน มันก็เลยรู้สึกโหวงๆด้วยคะ ภายในอุโมงค์จะมีแบ่งออกเป็นห้องเล็กๆหลายๆห้อง แต่ละห้องจะมีป้ายพร้อมภาพวาดประกอบว่าห้องนี้ใช้ทำอะไรบ้างไฮไลท์สำคัญ คือ ห้องนี้ ห้องบัญชาการ ที่นายพลโอตะทำการปลิดชีวิตตัวเองลง สงครามเป็นเรื่องน่าเศร้า มีแต่ความสูญเสีย ลงมาด้านล่างมีตู้ไอติมกดในตำนาน qlico จริงๆก็มีอยู่หลายที่ ตามสถานีรถไฟโมโนเรลก็มี แวะทานกันก่อนไปหาข้าวเย็นทานคะ เราไปต่อกันที่ Mihama American Village อยู่ที่เมือง Chatan ทางเหนือของ naha ที่นี่เป็นแหล่งช็อปปิ้งจำลองแบบมาจากย่านซานดิเอโกของอเมริกา เพราะเมืองซาตังเป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกาเดิม จึงใช้ที่นี่เป็นที่นัดพบปะ สังสรรค์ กินดื่ม ช็อปปิ้ง ร้านเปิด 10.00-23.00 สัญลักษณ์สำคัญของที่นี่ก็คือเจ้าชิงช้านี่แหละคะ เราเดินไปในส่วน depot island กัน เพื่อไปตามหาร้าน taco rice เราจะไปร้าน Kijimanu taco rice cafe กัน ตั้งอยู่ชั้นสองของ depot island มาโอกินาวา ต้องไม่พลาดกิน taco rice เมนูนี้เป็นเมนูดัดแปลงระหว่าง taco เดิมที่เรารู้จักแต่เดิมใช้แผ่นแป้งทาโก้ แต่อันนี้ใช้ข้าวแทน เนื่องจากชาวโอกินาวาชอบทานข้าว ส่วนชาวอเมริกันก็นิยมทานทาโก้ เลยเกิดมาเป็นทาโก้ไรซ์ เมนูบรรยากาศในร้าน อาหารก็คือเลือกสั่งเป็น taco rice มีไข่กะไม่มีไข่ แล้วก็เลือก suace ได้ มี mild meat, spicy meat, curry meat, chile beans เลือกทานเป็น set พร้อมเครื่องดื่ม fries หรือ onion rings ก็ได้ ใครอยากได้ topping อะไรเพิ่มก็สั่งได้พิเศษอีก จานมีไซส์ขนาด s m l
จานนี้เป็น taco rice + spicy meat ไซส์ s ก็ใหญ่แล้วนะคะ เวลาทานก็เทซอลงไปคลุกๆ อร่อยเลิศ ชอบเลย จานนี้เป็น omu taco rice + curry meat ใครชอบทานแกงกะหรี่น่าจะชอบspicy french fries อร่อยมาก ส่วน onion ring ก็ใช้ได้ ติอย่างเดียว คือ มันใหญ่เกินไปสำหรับหนึ่งคนเวลาสั่งข้าวพร้อม set ทานไม่หมด ><ค่าเสียหายมื้อนี้ 2090 เยน มีรูทเบียร์ และโค้กอีกอย่างละหนึ่งแก้วนอกเฟรม ขอบอกว่าติดใจทาโก้ไรซ์เข้าแล้ว
จากนั้นก็กลับโรงแรม หมดแล้ววันที่สองของทริป :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น