วีคที่ผ่านมา กลายเป็น talk of the town กันไปสำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา ตลาดทำ high ไว้ที่ 1601.34 ก่อนจะมาปิดที่ 1478.97 แต่ low สุดที่ 1464.72 ...136.62 จุดภายในหนึ่งวีคเกิดอะไรขึ้นกับตลาดที่ขึ้นติดต่อกันยาวนาน???
บ้างก็ว่า
- ไซปรัสจะเป็น contagion
- กลัวมาตรการ capital control : เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไวมาก หรือ การควบคุมเงินเข้าออกในตลาดบอนด์
- กลัวเรื่องการเมือง : เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี
- การเพิ่ม initial margin ของโบรกเกอร์ : โดนเริ่มจากที่โบรกใหญ่แห่งหนึ่งที่ปรับจาก 15% เป็น 20% ในหุ้นบางตัว แล้วจนตอนหลังตลาดเองก็ปรับให้เป็น 20% เหมือนกันหมด
- รายใหญ่ทุบหุ้น : ขายบนมารับล่าง
- Forced sell
- กลัวพรบ. 2 ล้านๆไม่ผ่าน โปรเจคเลื่อน
จริงๆ แล้ว มันก็เหมือนหาเหตุมาใส่ผล หุ้นตกก็เพราะว่าคนอยากขายมากกว่าอยากซื้อก็เท่านั้น เหตุตามหลังผลมาเสมอ
สิ่งที่เราควรจะคิดให้หนัก คือ ทำอย่างไรดีกับสถานการณ์แบบนี้ (จริงๆอันนี้ก็เป็นการพูดย้อนหลังอ่ะนะ เขียนตอนที่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไปแล้ว T_T)
สำหรับคนทีเชื่อในเทคนิค วันอังคารที่ 19 มี.ค. 2013 ที่ set ทำ new high แต่ปิดหลุด ema10d/14d นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนอย่างนึง เพราะที่ตลาด rally ขึ้นมารอบนี้ไม่เคยหลุดเส้นนี้เลยตั้งแต่ ธ.ค. 2012 เสมือนว่าใครมี position ก็ควร trim ลดความเสี่ยงบ้าง (ขอพูดรวมๆภาพตลาดแทนหละกัน เพราะบางคนอาจจะดูเป็นรายหุ้นไป หุ้นใครแกร่งกว่าตลาดก็พิจารณาตามรายหุ้นกันไป)
หุ้นแดงทั้งกระดานด้วยvolume ขนาดนี้ เราควรจะต้องทบทวน position/ปรับ money management กันใหม่ ละทิ้งภาพ strong rally ที่มันฝังหัวเรามาตลอด3-4 เดือนที่ผ่านมากันแล้ว...แปลกแต่จริง รอบนี้เห็นคนใกล้ตัว short หรือ ซื้อ put warrant น้อยมาก...วินัยในการลงทุน จิตใจ และการตัดสินใจที่เฉียบขาดสำคัญจริงๆ ...เราว่าหลายคนน่าจะเป็นเหมือนเรานะ เจออย่างนี้ไป งง ก่อน ทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่เค้าว่า when in doubt, get out น่าจะดี ออกมามองแบบไม่มีส่วนได้เสีย มันทำให้คนเรามองได้รอบด้านและไม่ bias ได้มากขึ้นจริงๆ
ยังจำได้แม่น วันพฤ หลังจากที่ตลาดลงหนักมาสองวัน โบรกเกอร์ต่างๆcallว่าตลาดน่าจะเด้งได้บ้างแต่กลับเป็นเดี้ยงแทนซะมากกว่า เดาว่าคนที่ขายไปก่อนหน้าคงเข้าไปรับมีดกันมาไม่ใช่น้อย...สัญญาณอ่อนแรงจนกระทั่งอีกามาครบทั้ง 3 ตัวอย่างไว
เนื่องจากคนไทยชอบเลขสวย หลายคนคงมองแถว 1500 เป็นแนวรับถัดมา แต่ปรากฏว่าหลุดอย่างง่ายแบบไม่ใยดี ปิดวีคอย่างโหดร้าย กาไม่ได้มาแค่ 3 ตัวพาแม่กามาด้วยเลยทีเดียว ตอนแรกเริ่มไม่กี่ตัว หลังๆเริ่มแดงหนักทั้งกระดาน หุ้นเล็ก กลาง ใหญ่ไม่มียกเว้น แถมเกิดอาการประหลาดประหลาด หุ้นบางตัวลงไป floor ในเวลาไม่กี่นาที ตามข่าวบอกไม่ใช่ forced sell แต่เป็นเพราะโปรแกรมเทรด พวกที่ใช้ algo ทั้งหลาย
แนวรับถัดไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจ ท่าจะเป็นคำตอบ ฮ่าๆ อันนี้เป็นเส้นที่ตีไว้ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ แถวๆ 1460...เข้าใจว่าหลายคนที่ไม่มีหุ้น ก็อยากกลับเข้าไปมีหุ้น คนที่ยังไม่ซื้อ LTF ก็อยากซื้อ LTF คนที่ไม่คัทก็คงทนกอดกันไปแล้วหละ (ทนมาได้ซะขนาดนี้) นานาจิตตัง แต่ปิดวีคก็เด้งจาก low ได้ไป 10 กว่าจุด...แต่ตลาดลงหนักขนาดนี้ คนบนดอยสูงก็คงจะไม่น้อย คงไม่รีบขึ้นพรวดพราดหล่ะมั้ง ลงหนักมาพักก่อนท่าจะดี (เดาล้วน)
เหตุที่ทำให้เราเขียน blog นี้ขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่เคยเขียน blog หุ้นมาก่อนเลย คือ เขียนไว้เตือนใจตัวเอง
1) เราจะทำอย่างไรกันดีเพื่อระวัง ไม่ให้เกิด DD หนักๆได้
- สำหรับเรา คงจะเป็น money management / discipline / planning ปกป้องทุนไว้ก่อน เพื่อให้ได้มีโอกาสได้เล่นในรอบถัดไป เวลาขาดทุน การที่จะต้องหากำไรมาชดเชยขาดทุนที่หายไปนี่ต้องทำมากกว่าอีกหลายเท่า การวางแผน ต้องคิดไว้ล่วงหน้าเสมอ จุดคัทอยู่ตรงไหน แล้วก็ต้องทำตามแผน บ่อยครั้งที่เราไม่ทำตามแผน มันจะตามมาด้วยคำว่ารู้งี้ จิตใจสำคัญมากที่สุด อย่าท้อ ต้องเด็ดขาด
2. อะไรจะเป็นจุดสังเกตให้ต้องลด position
- ปกติ เราจะดูปัจจัยภายนอกร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Dollar index / EURUSD / VIX index / DJIA / TIPs market รวมถึง news ต่างๆ ปรากฏว่ารอบนี้สัญญาณพวกนี้กลับไม่ค่อยได้ช่วยเราเท่าไร เนื่องจากหลายสิ่งไม่ได้ confirmed พร้อมกัน ทำให้ดูไปก็ใช้อะไรไม่ได้เลย
ถึงแม้ EURUSD ตก Dollar index ขึ้นบาทกลับแข็ง vix ไม่ได้ spike เท่าระดับที่น่ากลัวเหมือนตอนตลาดตกครั้งก่อน DJIA ยังทำ new high ใหม่ได้ มีแต่ตลาด PHCOMP ที่นำลงไปก่อนหน้า 7% ก่อนที่จะเด้ง รวมถึงไซปรัสเอง เราเองก็ได้ยินข่าวมาก่อนหน้าหลายเดือน แต่เห็นหลายคนไม่กังวลเพราะว่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่เล็กมาก (ขนาดใหญ่กว่าอย่างกรีซ สเปน อิตาลี) เรายังรอดกันมาได้ ไซปรัสเองกลับทำให้คนกลัวมากกว่า เพราะด้วยความที่เป็นประเทศเล็ก ทำให้ eu กล้าออกมาตรการมาจัดการ กล้าเชือดไก่มากกว่า? อันนี้ยากจะตอบวีคหน้าเราก็คงรู้คำตอบกันสำหรับไซปรัส ...สรุปดูกราฟ set ซึ่งเป็น independent ต่อทุกสิ่งอันในโลกแล้วตัดสินใจคงจะง่ายสุด
มุมมองโดยรวมของเรายังไม่เปลี่ยนจากเดิมนะต่อสภาพศก.ทั่วโลกรวมถึงตลาดไทย ในภาวะเงินล้นโลก ทุกธนาคารกลางต่างพร้อมใจกันปั๊มเงิน liquidity driven / low interest rate environment ศก.ไทยก็ฟื้นจากประชานิยม domestic consumptionเป็นตัวช่วยหลัก ลดภาษี รายการนี้ยังช่วยงบกำไรของบริษัทในปีนี้ต่อ แถมด้วย infra project ที่จะอัดเงินเข้ามาในระบบ ไม่มีอะไรเป็น sudden change ไปจากเดิม เพียงแต่ PE band ของ SET มันเลย historical band ขึ้นมาเท่านั้นเอง แต่ด้วยเหตุที่ว่าไปมันก็สมควรต่อการ rerate PE T_T ส่วนเรื่องการเมืองในประเทศ ยอมรับว่าเราไม่รู้เรื่องจริงๆ ด้วยความที่ไม่เคยสนใจการเมืองใดๆของประเทศเลย ทำให้ไม่เคยกลัวประเด็นนี้ -_- ทั้งๆที่คนเค้าจะ discount ประเทศไทยก็ด้วยเรื่องนี้แหละ
อีกอย่างนึงที่เราเพิกเฉยไป คือ ยอดขายของฝรั่ง ก่อนหน้าฝรั่งขายเยอะแล้วไม่ลงเลยประมาท กลับลืมไปว่าฝรั่งยังมี short สะสมไว้เยอะมากกกกกกก ยิ่งตอนนี้ใกล้หมดสัญญา H13 แล้วด้วย ถ้าเราเป็นหรั่ง S ไว้ขนาดนี้ก็คงต้องอยากเล่นขาลงซินะ
3. เราจะทำอย่างไรกันต่อ
- ลงโหดขนาดนี้ เมื่อไม่เห็นสัญญาณกลับตัว ควรอยู่เฉยๆ กอดเงิน?
- เล่นเด้ง?
- หรือ ช็อปของถูก? (บางคนอาจจะมองยัง crash ไม่พอ 55)
4. เลือกหุ้นประเภทไหนดี
- ตอนนี้กลับไปเลือกเล่นหุ้นด้วยกราฟคงหาได้น้อยกว่า หลายตัวหัวทิ่มดิ่ง รอ new high/ breakout คงอีกนาน หลายคนที่ชอบเลือกหุ้นด้วยพื้นฐานคงเริ่มเลือกหุ้นที่ชอบๆได้ในราคาที่ discount ลงมาขนาดนี้ แต่ย้ำนะ ต้องแม่นพื้นฐานจริงๆ หรือหลายๆคนอาจจะเลือกเล่นหุ้นที่แกร่งกว่าตลาดโดยรวมแทน กลับไปใช้กราฟเหมือนเดิม เอา relative strength สูงเข้าสู้ หวังว่าหุ้นแกร่งก็ยังจะแกร่งต่อเนื่อง พวกนี้คงเลือกกันง่ายขึ้น เพราะเหลือรอดไม่มาก
สรุปสุดท้าย 4 วันที่ผ่านมานี้ เป็นประสบการณ์ครั้งดีให้กับเราทีเดียวเลยหละ จะต้องจำให้แม่นๆ อย่าผิดซ้ำอีก! บทเรียนนี้ราคาแพง ต้องอย่าไปเรียนซ้ำ
In short, it's because of NNHW launched.
ตอบลบมาลงชื่อเป็น nnfc
ตอบลบ555....accurate conclusion Ka.
ตอบลบT_T
ตอบลบnnfc too
ตอบลบเขียนดี อ่านสนุก มีประโยชน์มากเลยครับ
ตอบลบเขียนได้แหล่มเลยจ้า ^^)/
ตอบลบ/me ชูป้ายไฟรัวส์ๆ
good read makmak kab^^
ตอบลบมาถูกทางแย้ววว คับ
ตอบลบNice blog indeed krub :)
ตอบลบพึ่งรู้ว่า nn มี blog มาสมัครเป็น fc ด้วย
ตอบลบสนุกล่ะสิ
ตอบลบ