ความเดิมตอนที่แล้ว
Day 11 (7 Jan 16) : เที่ยววัดที่เกียวโต (Kyoto)
เราจะไปเที่ยวเกียวโตกันคะ วางแผนไว้ก็ 2 วันเต็มๆ รอบนี้เรา base ที่โอซาก้า แต่เช่ารถขับมาที่เกียวโต เพราะจำได้ว่าคราวก่อนมา one day trip ที่เกียวโตตอนนั้นมาเพื่อนั่งรถไฟสายโรแมนติกและเที่ยวอีกนิดหน่อย การเดินทางโดยรถไฟ ไม่สะดวกเท่าไร ต้องต่อหลายต่อเหลือเกิน รถไฟ รถเมล์ แล้วก็ยังต้องเดินอีก แล้วแต่ละที่ก็ค่อนข้างห่างกัน มารอบนี้ก็เลยตัดสินใจเช่ารถ เพราะมีผู้ใหญ่มาด้วยให้เค้าเดินเยอะๆต่อรถหลายๆต่อคงไม่ไหว
เอาเข้าจริง ผิดแผนไปมาก จริงๆคิดว่าจะไปหลายที่มากกว่านี้ แต่ที่ไม่ค่อยเป็นไปตามแผน เนื่องจากการขับรถ แม้จะสะดวกสบายในการเดินทาง แต่รถติดเหลือเกินคะ คือ ญี่ปุ่นไฟแดงเยอะมากกกกก (ก ไก่ล้านตัว) เรียกได้ว่าติดไฟแดงนี้ อีกแป๊บเดียวไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอไฟแดงข้างหน้าอีกแล้ว แล้วที่นี่เค้าก็ขับรถกันช้าๆ จากโอซาก้ากว่าจะไปถึงเกียวโตเกือบ 2 ชั่วโมงได้ ถ้านั่งรถไฟก็แค่ครึ่งชั่วโมงเอง T_T อีกอย่างเสียเวลาเรื่องวนหาที่จอดรถด้วย ค่าที่จอดก็แพงด้วย สรุปแล้ว ถ้าเลือกได้ใหม่ คงนั่งรถสาธารณะเที่ยว น่าจะดีกว่าสำหรับการมาเที่ยวเกียวโต
เริ่มแรกเราไปรับรถที่เช่าไว้กับ Nissan car rental กันก่อน เราจองล่วงหน้าไปก่อน โดยผ่าน website http://www2.tocoo.jp/en ต้องขอบคุณสหายท่านนึงที่แนะนำมาให้ด้วยคะ
จากนั้นก็มุ่งสู่จุดหมายแรกของเรา คือ Fushimi Inari Shrine ถ้าพูดชื่อเฉยๆอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าพูดถึงวัดที่มีเสาเยอะๆ มีสุนัขจิ้งจอกเป็นสัญลักษณ์ทุกคนจะนึกออกทันที ที่นี้สถานที่ใช้ถ่ายหนังเรื่อง memoirs of a geisha ด้วย
ที่นี่การเดินทางสะดวกทั้งขับรถมาและก็นั่งรถไฟ ถ้าขับรถมาก็มีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าวัดเลย ส่วนสถานีรถไฟฟ้าก็อยู่ติดกับวัดเลยเช่นกัน


เข้ามาถึงผู้คนมากมาย
สัญลักษณ์ประจำวัด เจ้าสุนัขจิ้งจอก และที่นี่จะมีตัวที่คาบข้าวในปาก ต่างจากวัดอื่นๆ 
เราก็ไหว้พระทำบุญด้านหน้ากันก่อน
จากนั้นก็จะเดินไปด้านหลังคะ เพื่อไปดูเสาที่เป็นอีกหนึ่ง signature ของวัดนี้
จะเห็นได้ว่าเจอเจ้าสุนัขจิ้งจอกเยอะจริงๆ ซ้ายขวาที่เฝ้าประตูก็ไม่เหมือนกันนะ ไม่แน่ใจในความหมายเหมือนกัน
แผนผังของเสาคะ ว่ากันว่ายาวถึง 4 กิโลเลยทีเดียวที่สร้างเรียงรายกันบนทางขึ้นเขา
จุดแรกเราจะเจอเป็นเสาใหญ่ก่อน
หลังจากเสาใหญ่ใหญ่จะมีทางเดินแยกเป็นซ้ายขวาให้เดินทางขวานะคะ เพราะเป็นเหมือน one way เวลากลับเราก็เดินออกทางซ้าย
ช็อตนี้แหละที่ทำให้มาที่นี่ กว่าจะถ่ายให้ไม่ติดคนเลย นี่ก็รอนานมาก

เราเดินไปไม่สุดทางนะคะ เพราะเห็นว่าเหมือนๆกัน พอได้รูปที่พอใจแล้วและก็จะต้องไปที่อื่นด้วยก็เดินกลับลงมา
ก่อนจะกลับ เห็นตรงข้างๆวัด มีขายอาหารเพียบเลย อารมณ์เหมือนเป็นตลาดนัด มาออกร้านกัน ก็เลยหาอะไรทานกันตรงนี้ก่อนออกเดินทางต่อ เราทานเป็นยากิโซบะและโอโคโนมิยากิ ขอบอกว่าอร่อยมากๆ แล้วก็ซื้อเกาลัดกลับมา เกาลัดลูกใหญ่หวานมาก อร่อยสุดๆ รู้สึกว่าซื้อมาน้อยไปทันที ยังอยากทานอีก 







จากนั้นก็ไปต่อกันที่ Kiyomizudera (วัดน้ำใส) ที่นี่ไม่มีที่จอดรถของวัดนะคะ อาศัยจอดแถวนั้นเอง ค่าจอดก็โหดร้ายหน่อยแถวนี้คิดเป็นชม. เราจำไม่ได้ว่าเรทเท่าไร แต่เราโดนค่าที่จอดไปประมาณ 1000 เยน





















มาถึงที่วัดน้ำใส ทางขึ้นจะโหดร้ายต่อผู้ใหญ่หน่อยนะคะ บันไดสูงพอควร
ขึ้นมาก็จะเห็นวัดอยู่ด้านหน้าคะ อันนี้เหมือนเป็นทางเข้า
เดินเข้าไปก็จะเจออีกหลายๆศาลา เจดีย์ (เรียกไม่ถูกแหะ)

มองย้อนกลับไป จะเห็นที่เหมือนตรงทางเข้าที่เราเดินผ่านมา
จากนั้น ถ้าอยากไปต่อ จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมคะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 300 เยน 
วัดนี้จัดเป็น UNESCO World Heritage ด้วยนะคะ hilight สำหรับวัดน้ำใสที่เรามักจะเห็นคนมาถ่ายรูปกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใบไม้แดง คือ ระเบียงตรงนี้แหละ เสียดายมาก ตอนเรามา ไม่มีอะไรเลย ใบไม้ร่วงโรยไปหมด เลยดูธรรมดามาก >< อ่อ จุดเด่นของที่นี่เหมือนว่าสร้างโดยใช้เสาใหญ่ต่อๆกัน
เราสามารถเห็นโตเกียวทาวเวอร์ด้วยนะคะ ไกลๆโน่นแหละ 
ตรงข้ามระเบียงก็จะมีเจดีย์แดงอันนี้ อันนี้เราก็ไม่ได้เดินไปอีกเช่นกัน เห็นแค่ไกลๆ
จากนั้นเราจะเดินไปด้านล่างกันคะ เป็นที่ตั้งของน้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ
จากระเบียงที่เราอยู่เมื่อกี๊จะมีบันไดลงไปนะคะ เกียวโตเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ผู้คนที่มาท่องเที่ยวนิยมเช่ากิโมโนใส่กัน เราว่ามันก็เข้ากับความเป็นเมืองเก่าอย่างเกียวโตดีนะ
น้ำตก 3 สายมีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษา
ตรงนี้คนต่อคิวยาวเลยคะ เค้าจะมีกระบวยให้ตักน้้ำได้ โดยคนที่มาวัดก็มักจะตักน้ำจากน้ำตกนี้มาดื่มด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
ปีที่เราไปเป็นปีลิง แผ่นไม้ ขอพรต่างๆสัญลักษณ์ก็เลยเป็นไปตามปีนักษัตร
เดินไปตรงจะเป็นทางออกก็จะมีร้านขายชาให้แวะพัก นั่งรับประทานอาหารได้
จากนั้นเราก็ต้องรีบไปที่วัด Kinkaku-ji (วัดทอง) คะ เพราะเค้าปิด 6 โมงเย็น แต่ last entry น่าจะประมาณ 5 โมงครึ่ง เรียกได้ว่าตอนที่ไปถึงเวลาฉิวเฉียดมากๆ



















แผนผังของวัด
ก่อนเข้าไปเราก็ซื้อบัตรกันก่อน ค่าเข้าชมก็คนละ 400 เยน
ใครดูอิคคิวซํงก็ต้องคุ้นเคยกับที่นี่แน่นอน เพราะในเรื่องวัดนี้เป็นที่พำนักของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ ท่านโชกุนผู้ที่ชอบสร้างคำถามกับอิคคิวซังเป็นประจำ


ทอง สวยงามตามท้องเรื่องจริงๆ


เดินอ้อมมาด้านหลังก็จะเป็นประมาณนี้

จากนั้นเราก็เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆคะ อ้อมขึ้นเขาไปนิดหน่อย

ก็จะถึงที่ทำบุญกัน ชอบเทียนที่นี่ตรงที่ว่าเราอยากเน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ใช้เทียนที่สลักคำเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ดู customized ดี 

เรียกได้ว่าอยู่กันจนวัดเค้าปิดทีเดียว













จากนั้นเราก็ตั้งใจว่าไหนๆก็ขับมาถึงเกียวโตแล้ว ไปเดินห้างซะหน่อย จำได้ว่าคราวก่อนที่มาห้างอลังการมาก ติดรถไฟฟ้าเลยตรง Kyoto station รอบนี้ไปเดิน Isetan ก็ติดๆกับรถไฟฟ้านั้่นแหละคะ แต่พอขับรถไปดูลำบากๆหน่อย ค่าที่จอดตรงนี้ก็โดนไปอีก 1000 เยน
ห้างนี้จะขายของกึ่งไปทาง mid to high เล็กน้อย มีซุปเปอร์ด้านล่าง ร้านอาหารก็เยอะ ปิดท้ายวัดกันที่นี่ ก่อนขับรถกลับโอซาก้า
Day 12 (8 Jan 16) : Arashiyama ที่เกียวโต


เมื่อวานเรายังเก็บตกเกียวโตไม่ครบ วันนี้เลยมาเก็บแถวป่าไผ่ Arashiyama แทน คราวก่อนเราเลยมาแถวนี้แล้ว โดยที่มานั่งรถไฟสายโรแมนติก แต่รอบนี้ไม่มีใบไม้แดง ก็เลยแค่มาเที่ยวป่าไผ่แถวนี้เฉยๆ
ก่อนออกเดินทางจากโอซาก้า ก็จัด starbucks ไป ชอบแวะ minimart ของญี่ปุ่นมากๆ ขนมก็อร่อย เครื่องดื่มก็เยอะ
เราจอดรถที่วัด Tenryu-ji อันนี้เป็นแบบเหมาจ่าย ทั้งวัน 1000 เยน

เป้าหมายการท่องเที่ยวเราวันนี้ก็คือที่นี่ bamboo groves หรือป่าไผ่ ซึ่งทางเข้าก็อยู่ใกล้ๆกับวัด Tenryu-ji แหละคะ เดินตรงขึ้นเหนือไปอีกไม่ใช่ฝั่งแม่น้ำนะ จะมีร้านขายของอยู่แล้วก็จะมีทางเข้าลัดเข้าไปยังป่าไผ่ มี Tips ให้นิดนึงสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ถ้าเข้ามาทางนี้อย่าเพิ่งตื่นเต้นกับป่าไม้โซนนี้เท่าไร เพราะที่สวยจะอยู่ตรงสุดทางคะ
ระยะเวลาตรงนี้ไม่ได้ยาวมาก เดินกันสบายๆ แต่ถ้าใครอยากได้อีกบรรยากาศจะใช้บริการรถลากก็ได้ 
ใกล้ๆกับกับป่าไผ่จะมี ศาลเจ้าโนโนมิยะจินจะ Nonomiya Shrine อยู่
ที่นี่เค้าเด่นเรื่องการขอพรเกี่ยวกับความรัก
บรรยากาศในศาลเจ้า ร่มรื่นดี มีทางรถไฟอยู่ใกล้ๆด้วย เวลารถไฟผ่านนี่ก็จะได้ยินเสียงชัดแจ๋ว

แล้วเดินต่อไปจนเกือบสุดอีกทาง (หรือถ้าใครเข้าทางใกล้ๆกับสถานีรถไฟ ก็จะเป็นต้นทางคะ) เราว่าป่าไผ่ตรงนี้สวยกว่า

หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมาตรงทางที่เราเข้าไป ออกมาเดินเล่นคะ ตรงโซนร้านค้า มีร้านขายของฝาก ขนม อาหารเพียบ แต่ละร้านก็กุ๊กกิ๊กน่ารักตามสไตล์ญี่ปุ่น


จากนั้นก็แวะทานข้าวกันคะ จำไม่ได้ว่าร้านไหน ชื่ออะไร แต่เดินผ่านแล้วเห็นคนเยอะ มีเมนูที่อยากทานคือ เต้าหู้ก็เลยจัดร้านนี้ไป ไม่ผิดหวัง อร่อย ....เค้าว่ามาเกียวโตต้องทานเต้าหู้ ก็เลยต้องจัดตามนั้น เชื่อคนง่าย ><



ท้องอิ่มแล้ว ก็ไปเดินย่อยที่ Togetsukyo Bridge เป็นสะพานเลียบแม่น้ำโฮสุ รอบก่อนมาเป็นใบไม้แดง ได้บรรยากาศกว่าเยอะเลย 






ก่อนกลับ อย่าลืมจัดไอติมชาเขียว ร้านอยู่ตรงข้ามวัด Tenryu-ji ที่เราจอดรถเลย ดีงามมากกกกกก ชาเข้มข้น หอม 

สรุป สำหรับการมาเที่ยวเกียวโตโดยการขับรถ เราไม่ค่อยโอเท่าไรนะ เสียเวลามาก แม้จะสบาย ...เกียวโตที่เที่ยวเยอะมาก น่าเที่ยวทั้งนั้น ถ้าอยากเก็บให้ครบสงสัยต้องมาหลายวันมากกว่านี้ .....ใครอยากมาเกียวโตเพื่อมา Arashiyama แนะนำมาตอนใบไม้แดงดีกว่า นั่ง Sagano รถไฟสายโรแมนติกด้วย ได้บรรยากาศกว่า ....สุดท้าย เราก็ยังชอบเกียวโตอยู่ดีนะ เป็นที่ที่แลดูมีวัฒนธรรมดี ไม่ค่อยมีความเป็นเมืองเท่าไร อาหารอร่อย น่าเดิน บรรยากาศดี
ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวโกเบกันก่อนกลับคะ :)
































ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น