13/7/54

Unsmooth trip

เวลาจะไปเที่ยวไหน หรือจะทำอะไร เราก็มักจะอยากให้มันเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะอะไรที่ผิดคาด มักจะนำมาซึ่งความไม่พึงพอใจ หรือ ผิดหวังเสมอ แต่ชีวิตคนเราใช่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ต้องมีติดๆขัดๆ สะดุดกันบ้าง ชีวิตถึงจะมีรสชาติ แก้ปัญหาเป็น


แต่เมื่อเรื่องความไม่ smooth เกิดขึ้นบ่อยๆ เราก็จะคิดไปว่าทำไมฉัน "ซวย" ได้ขนาดนี้ อย่างเช่น ทริปฮ่องกง-มาเก๊าของเราเป็นต้น

เริ่มด้วย ตามแผนแล้วควรจะต้องออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เครื่องออกเวลา 6.30 เราก็นัดกับเพื่อนร่วมทริปซะดิบดี ไปถึงสุวรรณภูมิคนแรกเลยตั้งแต่ 05.30 เผื่อเวลาไว้ครึ่งชั่วโมง Checkin โหลดกระเป๋าเรียบร้อย แต่เหตุเกิดจากความรักสวยรักงามของเราเอง เนื่องจากเช้าเกิน หน้าโล่งๆไม่แต่งหน้า นี่อยู่ในสภาพที่ไม่อยากจะเจอใคร ก็แว้บไปแต่งหน้าก่อน ให้เพื่อนสาวรอ

พอเสร็จปุ๊บก็ต่อแถว immigration control ซึ่งคนเยอะมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ (ใครไป flight เช้าๆโดยเฉพาะช่วงวันหยุด long weekend ควรเผื่อเวลาไว้เลยคะ คิวยาวมากจริงๆ) ต่อคิวยาวไปจนถึงคิวก็เพิ่งจะนึกว่าได้ว่ายังไม่ได้เขียนใบ immigration ตอน checkin เขาก็ไม่ได้ให้มา ขอที่ counter เค้าก็ไม่ให้ให้เดินออกไปเอาที่ checkin counter บัดนั้นก็เป็นเวลา 6.00 แล้ว เพื่อนสาวที่ไปด้วยของเราก็สารภาพว่าเพื่อนอีกคนนึงเขียนชื่อผิด แล้วก็เอาใบของเราไปให้เพื่อนอีกคนแทน ส่วนเราก็ต้องเดินออกไปเอาที่ checkin counterใหม่อย่างไม่มีทางเลือก แล้วให้เพื่อนเข้าไปก่อน

กว่าจะวิ่งไปเอา วิ่งกลับมาใหม่ คิวยาวกว่าเดิมอีกคะ ล้นหลามมาก (ไม่แปลกใจทำไม AOT วิ่งจัง) แล้วด้วยความที่เป็นคนไม่กล้าเอ่ยปากที่จะแซงคิว ทั้งๆที่ใจก็กลัวจะตกเครื่อง ก็เลยต่อคิวต่อไป

จนกระทั่ง 6.25 ก็ได้ผ่านด่าน พอผ่านปุ๊บ ก็วิ่งด้วย speed ที่แบบไม่อายคนใน airport เลยคะ เพราะมีเวลาแค่ 5 นาทีเพื่อที่จะไปถึง gate ระหว่างวิ่งอยู่เพื่อนที่ขึ้นไปรอบนเครื่องแล้วก็โทรมากดดันเป็นระยะๆว่าเครื่องจะออกแล้ว หนุงหนิงอยู่ไหน ไอ้เราก็วิ่งอยู่ ได้แต่บอกว่าจะถึงแล้วรอด้วย

6.32 จนถึง gate พนักงานของ AOT ก็บอกว่า ฮ่องกงรึป่าวคะ คนสุดท้ายแล้วคะ พอเดินไปอีกนิด พนักงานก็บอกว่าเครื่องออกจากงวงไปแล้วคะ ไม่รอคะ พร้อมเพื่อนสาวโทรมาบอกว่าเครื่องออกแล้ว เค้าไม่ยอมรอหนุงหนิง T_T

ก็เลยได้เผชิญประสบการณ์การตกเครื่องครั้งแรกในชีวิต อารมณ์ตอนนั้นนี่คือแบบว่า
  • เหนื่อยคะ วิ่งมาซะตั้งไกล 
  • ทำไมไม่รอ แค่ 2 นาที 
  • อยากวีน แต่ทำไม่เป็น
  • อ่าว แล้วตกเครื่องทำไงต่อหล่ะเนี่ยช้าน
ก็เดินออกมาเส้นทางเดิม พนักงานก็พามาปั๊ม "ยกเลิก" ใน passport ที่ปั๊มขาออกไปแล้ว แล้วก็พาไป counter ขายตั๋ว ซึ่งเช็คเสร็จสรรพถ้าจะบินเลยมี flight รอบเย็น 16.30 แต่ต้องซื้อตั๋วขาไปใหม่ เพราะตั๋วที่ซื้อไปก่อนหน้าเป็นแบบเปลี่ยนเที่ยวบินไม่ได้ ก็ต้องจ่ายอีก 5xxx ในใจคิด "อะไรกันนี่ ต้องเสียทรัพย์เพราะการสายไป 2 นาทีโดยใช่เหตุหรอ ช่วยลด expenses กันหน่อยไม่ได้หรอ"

ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อตั๋ว เดินไปจัดการกระเป๋าเดินทางก่อน พนักงานที่ counter ก็ใจดีถามว่าเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมตกเครื่อง ก็เลยเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็เลยไปคุยกะตม.ให้เพราะคิว passport control มันยาวมากจริงๆ เค้าก็เลยช่วยให้เสียแค่ค่าธรรมเนียม 1,100 บาท

สรุป ก็เลยได้บินรอบ 16.30 ด้วยการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย แต่เสียดายเวลามากกว่าเพราะว่าอุตส่าห์ลางาน plan ที่เที่ยวก็ต้องเลื่อนไปด้วยเลย...แต่ที่ยิ่งกว่า คือ โทรไปบอกว่าพ่อมารับกลับบ้านบอกว่าตกเครื่อง พ่อก็เลยดุเลย อยู่ airport แล้วตกเครื่องได้ยังไง - -*


ตอนบ่ายเลยตั้งใจไว้ดิบดี ไปถึง airport แต่ 14.00 จะไปนั่งรอหน้า gate เลย ^^ เพราะถ้าตกเครื่องสองครั้งในหนึ่งวันนี่คงเศร้ามาก


แล้วก็ได้เดินทางอย่างปลอดภัยคะ แต่แค่อยากเตือนคนอื่นไม่ให้เจอแบบเรา คือ
  1. อย่าลืมขอใบ immigration ตอน checkin
  2. เผื่อเวลาไว้ก่อนเลยคะ อย่างน้อย 1.5-2 ชม. จะได้ไม่เกิดเหตุผิดพลาดอย่างเรา
ตอนเข้าเมืองก็เจอถามเล็กน้อยว่าคำว่า "ยกเลิก" ที่ตม.ไทยปั๊มใน passport ตอนเช้าหมายความว่าอย่างไร ก็เล่าให้เค้าฟัง แต่ก้อไม่มีอะไร ผ่านเข้าเมืองมาได้ด้วยดี

จนแล้วจนรอดตลอดทริปก็ไม่มีอะไรที่ไม่ smooth มากนัก ปรับแผนกันไปตามเรื่อง จนเข้าวันคืนวันที่ 4 ของทริป ระหว่างทางกลับจากมาเก๊า หอบข้าวของพะรุงพะรัง แล้วก็ลืมรูดซิปกระเป๋ากล้อง แล้วก็ทำกล้องหล่นตรงเลนส์กระแทกเลยหล่ะคะ แต่ตอนนั้นก็คิดว่าไม่เป็นอะไร เปิดดูรูปแล้วโอเค (แต่ไม่ได้ทดลองกดถ่าย)


พอไปนั่งทานข้าวที่ temple street หยิบกล้องมาจะถ่ายรูปอาหารก็ช็อคคะ ทำไมเลนส์ไม่ focus จอม่วง แงๆ กินข้าวไม่อร่อยเลยมื้อนั้น เครียดไปเลยแม้อาหารจะอร่อยก็ตาม แบบว่า ทำของพังอีกแล้วหรือนิ เสียเงินอีกแล้วหรือนิ T_T

มาทริปนี้ก็ตั้งใจมาถ่ายรูปเลย โชคยังดีที่เอากล้อง compact ตัวเล็กไปด้วยอีกหนึ่ง วันสุดท้ายเลยยังมีรูปบ้าง (ตอนหลังมาซ่อมกล้องที่ไทยตอนแรกก็เสียวมาก กลัวจะซ่อมไม่ได้ เค้าบอกว่า sensor เสีย แต่สุดท้ายก็ซ่อมได้ พร้อมเสียทรัพย์ไปอีก 2800)

จนแล้วจนรอดวันสุดท้ายของทริป จะกลับอยู่แล้วอ่านะ ก็ยังเจอเรื่องคะ เดินๆอยู่ตรงนี้เลยคะ หน้า big Buddha เราก็ยังซุ่มซ่ามหกล้ม เพราะมองไม่เห็น step ขั้นเล็กๆ ก็ล้มลงไปตามระเบียบ แต่ตอนนั้นอายมากกว่าเจ็บคะ ลุกขึ้นมาโดยเร็ว ไม่ได้ก้มดูแผลด้วย

มารู้สึกตัวอีกทีตอนนั่งกระเช้ากลับ ทำไมเจ็บขานะ (เพิ่งจะมาเจ็บ delay มาก) ก้มลงดูเท่านั้นแหละตกใจ ช็อค ได้มาสองแผลใหญ่ เลือดไหลโชก - -*

ขากลับเจอ flight delay เล็กน้อยคะ ตอนกลับก็ยังจอตม.ไทยเรียกตรวจ คนเดินออกมามากมาย ไม่มีใครโดนเรียก ไม่รู้กระเป๋าเราใหญ่ไป หรือ หน้าตาน่าสงสัย โดนถามเล็กน้อยและ scan กระเป๋า ก็ปล่อยตัวออกมาไม่มีอะไรคะ

บทสรุป เจ็บทั้งตัว เสียทั้งตังค์ ส่วนใหญ่เพราะเกิดจากความขาด"สติ"ของเราน่านเอง แต่ทริปนี้ก็สนุกนะ ชีวิตไม่เคยขาดสีสัน ถ้าเป็นหุ้นก็ volatility สูงมาก เป็นคนที่เจอแต่เรื่อง extreme ในชีวิตตลอดเวลา


Ps. จริงๆที่ไม่ smooth มีเยอะกว่านี้แต่เอาเรื่องใหญ่ๆพอ :D เขียนไว้ remind ตัวเองคะ กลับมาอ่านตอนแก่จะได้จำได้ว่าในชีวิตนึงเราเจออะไรมาบ้าง รู้สึกยังไง....:)

2 ความคิดเห็น:

  1. รอ sony ตัวใหม่ออก แล้วเปลี่ยนกล้องกันเถอะ ^ ^

    ตอบลบ
  2. อยากถ่ายรูปเก่งๆแบบพี่หนึ่ง ^^

    ตอบลบ