บล็อคนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วคะสำหรับรีวิวเที่ยวญี่ปุ่น นี่ไปกลับมาสองเดือนหละเพิ่งจะเขียนเสร็จ T_T
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเกียวโตกัน การเดินทางจาก osaka station ก็อาศัย JR Special Rapid Service ไปลงที่สถานี KYOTO ค่าโดยสารประมาณ 540 เยน ใช้เวลาประมาณแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกียวโตแล้ว พอออกมาจากสถานี ก็เจอ Kyoto tower เลย
พอถึงที่หมายปุ๊บ เราก็มุ่งตรงไปหาอาหารเช้าทานก่อน ทำการบ้านมาเค้าบอกให้มาทานที่ Ronke Dai-Ichi asahi ramen ก็ตามรอยกันเลย เดินไปจากสถานีรถไฟไม่ไกล ไม่เกิน 5 นาที
หน้าร้านหน้าตาแบบนี้ เค้าเปลี่ยนสีร้านเป็นสีขาวแล้วนะ ถ้าอ่านจากรีวิวเก่าๆจะเป็นสีเหลือง เทียบตัวอักษรร้านกะรูปของรีวิวเก่าๆใช่ ไม่ผิดร้านชัวร์
หน้าร้านสมัยนี้ต้องมีแปะ tripadvisor
ร้านเล็กๆ แต่คนแน่นแต่เช้า
บนโต๊ะก็มีอุปกรณ์งี้มาให้
สั่งๆประเดิมด้วยเกี๊ยวซ่า อร่อย
และจานนี้ที่รอคอย ราเมนมาแล้ว นี่จานเล็กสุดของร้านนะ ยังกินไม่หมด (จานใหญ่มากกกก) ร้านนี้ชอบสุดตั้งแต่กินราเมนในญี่ปุ่นมาเลย highly recommended
พอท้องอิ่ม เราก็เดินทางกันต่อ ตอนก่อนมานิทำการบ้านมาอย่างดีว่า ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่โตเกียวต้องไปนั่งรถไฟสายโรแมนติก การเดินทางก็เดินกลับไปที่สถานี Kyoto เพือนั่งรถไฟไปลงที่ UMAHORI ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ค่าโดยสารประมาณ 320 เยน
พอถึงสถานี UMAHORI ออกมานี่มันช่างบ้านไร่มากก
เพื่อจะไปขึ้นรถไฟสายโรแมนติก sagano scenic railway เราจะต้องเดินจากสถานี UMAHORI เพื่อไปยัง สถานี Torokko Kameoka พอลงรถที่สถานี Umahori จะมีป้ายบอกทางอยู่คะ เดินไปไม่ไกลก็ถึง
เดินตามป้ายไปเลย ไปขึ้น Sagano romantic train
อันนี้เรามาขึ้นที่ปลายทางก่อน ฉะนั้นซื้อตั๋วแค่เที่ยวเดียว ไม่ต้องซื้อไปกลับ
รถไฟมาเป็นรอบๆเหมือนกัน ห่างกันประมาณชั่วโมงนึง ตอนเราไปถึงรถใกล้จะออกพอดี ซื้อหละขึ้นเลยไม่ได้รอรอบถัดไป แต่ข้อเสีย คือ คนเต็มเอี๊ยด ต้องยืน แล้วที่เค้าแนะนำว่าให้ไปนั่ง car no. 5 is open car ซึ่งเวลาถ่ายรูปก็จะไม่มีกระจกกั้น (รูปคงสวยกว่ากันเยอะ) ก็ไม่ได้ทำ เพราะคนแน่น แต่เพื่อทำเวลา ก็ตามนี้แหละ ค่าโดยสารก็ 620 เยน
วิวบนรถไฟ ถ้าใครมีเวลามาล่องเรือคงชิลดี
ส่วนใบไม้แดง เห็นน้อยมาก มาช่วงที่มันโรยลาไปเยอะแล้ว เสียใจ
ลงมาที่สถานี เค้าก็มีจำลอง sagano scenic railway ไว้ให้ดู
ออกมาหน้าสถานี เจอเกาลัด อร่อยทีเดียวลูกเล็กๆไม่ใหญ่มาก แต่ที่อยากให้ลองกินกัน คือ มันหวานญี่ปุ่น ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่ซื้อร้านเดียวกันนี่แหละ ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกก มันหวานญี่ปุ่นใดๆที่เคยกินในไทย ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำชิดซ้ายเลย
จากนั้นเราก็มองหาป้ายเพื่อไปยัง bamboo groves ทางเดินเลียบป่าไผ่ เดินลัดเลียบป่าไผ่มา ถ่ายรูปออกมาสวยดีนะ แต่ของจริงก็ธรรมดาอ่ะ
ระหว่างเดินตรงทางเลียบป่าไผ่ก็เจอวัด Nonomiya ่jinja คนเข้าไปสักการะกันเต็มเลย
จากนั้นเราก็เปิด google map เพื่อจะไปยังจุดหมายถัดไป นั่น คือ Togetsukyo bridge (bridges to ford to the moon) ระหว่างทางผ่านเมือง ขอบอกว่าน่าเดินเล่น ช็อปปิ้งมาก (เน้นของกินนะ) ร้านอาหารเพียบด้วย เสียดายเวลาน้อย มาแค่ one day trip เห็นบรรยากาศแล้วอยากมาเที่ยวเกียวโตนานๆเลย
ผ่านวัด Tenryuji ด้วย แวะเข้าไปเล็กน้อย เห็นเส้นทางถ้าจะเข้าไปวัดต้องเดินอีกไกลเลยไม่ได้เข้าไป T_T
และแล้วเราก็ถึง Togetsukyo bridge สะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำโฮสุ มีภูเขาอาราชิยามาเป็นฉากหลัง เสียดายมาตอนใบไม้ไม่ค่อยแดงแล้ว
นั่งชิลตรงเลียบแม่น้ำ นี่คือ ดี
ฝั่งตรงข้ามร้านขายของฝากเพียบ ขนาดนี่อร่อยดี แต่ไม่ต้องรีบซื้อที่นี่เหมือนเราก็ได้ kansai airport ก็มีขาย T_T
ตรงแถวนี้เค้าก็มีให้เช่าชุดใส่ เราก็จะเห็นหนุ่มสาวแต่งตัวแบบชาวญี่ปุ่นกันเกร๋ๆเพียบ
จากนั้นเราก็จะไปวัดทองกันต่อ เดินมาขึ้น JR Saga Arashiyama เพื่อจะไปลงที่ Emmachi station พอถึงหน้าสถานีบ่ายแล้วเลยแวะกินข้าวที่ yoshinoya ร้านนี้ก็มี chained restaurant ในไทย แต่ขอบอกว่ารสชาติที่โน่นกะที่นี่แตกต่างราวฟ้ากะเหว
เราลองสั่งชุดสุกี้เนื้อมากิน ซาบซึ้งอร่อยมาก นี่ขนาดจัดเป็นอาหารราคาประหยัดของที่โน่นยังดีขนาดนี้
นับจากสถานี emmachi เดินออกจากสถานี เลี้ยวขวาเจอร้าน yoshinoya จากนั้น ไปสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายไปป้ายรถเมล์ เพื่อไปขึ้นรถบัส no. 204 205 แล้วลงที่ Kinkakujimichi bus stop เพื่อไปยังวัด Kinkaku-ji
ถ้ามาตอนใบไม้แดงกำลังบานคงสวย นี่โรยแล้วยังเห็นร่องรอยความสวยงาม
ค่าเข้า 400 เยน
วัดทอง สวยมากกก แต่ของจริงเล็กกว่าที่คิด ><
ตอนเราไปเจอนักศึกษา นักเรียนเหมือนมาทัศนศึกษา คนอย่างเยอะ คือ ถ่ายไม่ให้ติดคนที่ยากมากกกอ่ะ ยิ่งเป็นโรคแพ้คนเยอะๆอยู่
บัตรเข้า เก๋มั้ยหละ
ใกล้ๆ ทองเหลืองอร่าม มาที่นี่แล้ว กลับไปคิดถึงอิคคิวซัง 55
มีที่จิบชา
ไหว้พระ ทำบุญกัน
เทียนที่นี่เก๋มาก คือ มีคำอวยพร สลักที่เทียน
ใครอยากขอพรด้านไหน จัดไป
ชอบๆ อิคคิวซัง
one day trip ที่เกียวโตนิถือว่าน้อยไปมากก เสียดายยอยู่ ตั้งใจแล้ว ต้องกลับมาซ้ำ เมืองนี้น่าอยู่ น่าเที่ยวมาก
กลับจากเกียวโตมาโอซาก้า เราก็เก็บตกช็อปปิ้งกันเล็กน้อยก่อนกลับเมืองไทย ก่อนตบท้ายมือสั่งลาญี่ปุ่นที่ Jinen นั่งรถไฟมาลงที่ SHINSAIBASHI คะ เดินมาซักไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง ร้านอาหารแถวนี้เยอะมาก ดูแนวชิคๆด้วย
หน้าร้าน Jinen
บรรยากาศภายในร้าน
ที่นี่เค้า concept : order what you like เขียนที่เล่มเมนูเลย
ปลาไหลที่นี่อร่อยมากกกกกก อร่อยสุดตั้งแต่กินมาสำหรับการมาญี่ปุ่นทริปนี้
รวมๆซาซิมิ
ซูชิ จริงๆเราสั่งเป็นคำนะ แต่เค้าใ่ส่งานมาให้แบบนี้เลย ร้านนี้ผ่านมาก ทั้งรสชาติ และราคา
สุดท้ายต้องกลับแล้ว วัดหยุดพักผ่อนของการท่องเที่ยวสั้นเสมอ
เราพักที่ Ritz-Carton Osaka ตอนแรกนึกว่าจะต้องขึ้นรถไฟเพื่อไป Kansai International airport แต่พอไปถามพนักงาน เค้าก็แนะนำว่าให้ใช้ Airport limousine bus ซึ่งห่างจากตัวโรงแรมไปแค่ 2 blocks ถนน ใกล้มาก ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล สรุปก็เลยกลับโดยใช้ Airport limousine bus
พอเช้าก็มารอซื้อตั๋ว
ค่าโดยสารก็ 1550 เยน แพงกว่ากลับรถไฟหน่อย แต่สะดวกกว่าเยอะ สำหรับเรา ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล มาถึงท่ารถเค้าก็ยกกระเป๋าให้ ส่งถึง terminal
หน้าตารถบัส
จบแล้วคะ ขอบคุณที่ติดตาม :)
พอถึงที่หมายปุ๊บ เราก็มุ่งตรงไปหาอาหารเช้าทานก่อน ทำการบ้านมาเค้าบอกให้มาทานที่ Ronke Dai-Ichi asahi ramen ก็ตามรอยกันเลย เดินไปจากสถานีรถไฟไม่ไกล ไม่เกิน 5 นาที
หน้าร้านหน้าตาแบบนี้ เค้าเปลี่ยนสีร้านเป็นสีขาวแล้วนะ ถ้าอ่านจากรีวิวเก่าๆจะเป็นสีเหลือง เทียบตัวอักษรร้านกะรูปของรีวิวเก่าๆใช่ ไม่ผิดร้านชัวร์
หน้าร้านสมัยนี้ต้องมีแปะ tripadvisor
ร้านเล็กๆ แต่คนแน่นแต่เช้า
บนโต๊ะก็มีอุปกรณ์งี้มาให้
สั่งๆประเดิมด้วยเกี๊ยวซ่า อร่อย
และจานนี้ที่รอคอย ราเมนมาแล้ว นี่จานเล็กสุดของร้านนะ ยังกินไม่หมด (จานใหญ่มากกกก) ร้านนี้ชอบสุดตั้งแต่กินราเมนในญี่ปุ่นมาเลย highly recommended
พอท้องอิ่ม เราก็เดินทางกันต่อ ตอนก่อนมานิทำการบ้านมาอย่างดีว่า ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่โตเกียวต้องไปนั่งรถไฟสายโรแมนติก การเดินทางก็เดินกลับไปที่สถานี Kyoto เพือนั่งรถไฟไปลงที่ UMAHORI ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ค่าโดยสารประมาณ 320 เยน
พอถึงสถานี UMAHORI ออกมานี่มันช่างบ้านไร่มากก
เพื่อจะไปขึ้นรถไฟสายโรแมนติก sagano scenic railway เราจะต้องเดินจากสถานี UMAHORI เพื่อไปยัง สถานี Torokko Kameoka พอลงรถที่สถานี Umahori จะมีป้ายบอกทางอยู่คะ เดินไปไม่ไกลก็ถึง
เดินตามป้ายไปเลย ไปขึ้น Sagano romantic train
อันนี้เรามาขึ้นที่ปลายทางก่อน ฉะนั้นซื้อตั๋วแค่เที่ยวเดียว ไม่ต้องซื้อไปกลับ
รถไฟมาเป็นรอบๆเหมือนกัน ห่างกันประมาณชั่วโมงนึง ตอนเราไปถึงรถใกล้จะออกพอดี ซื้อหละขึ้นเลยไม่ได้รอรอบถัดไป แต่ข้อเสีย คือ คนเต็มเอี๊ยด ต้องยืน แล้วที่เค้าแนะนำว่าให้ไปนั่ง car no. 5 is open car ซึ่งเวลาถ่ายรูปก็จะไม่มีกระจกกั้น (รูปคงสวยกว่ากันเยอะ) ก็ไม่ได้ทำ เพราะคนแน่น แต่เพื่อทำเวลา ก็ตามนี้แหละ ค่าโดยสารก็ 620 เยน
วิวบนรถไฟ ถ้าใครมีเวลามาล่องเรือคงชิลดี
ส่วนใบไม้แดง เห็นน้อยมาก มาช่วงที่มันโรยลาไปเยอะแล้ว เสียใจ
Sagano romantic train นี่เปิดมาตั้งแต่ปี 1991 หรือ 24 ปีกว่าแล้ว สำหรับเรามันไม่ค่อย romantic เท่าไรแหะ สงสัยแพ้เวลาเจอคนเยอะๆมั้ง ดูวุ่นวายมากกว่าโรแมนติก
เราลงกันที่สถานีtorokko arashiyama ถ้าใครได้นั่ง car no.5 ก็จะเป็น open แบบรูปที่เห็นด้านล่างทางซ้ายมือลงมาที่สถานี เค้าก็มีจำลอง sagano scenic railway ไว้ให้ดู
ออกมาหน้าสถานี เจอเกาลัด อร่อยทีเดียวลูกเล็กๆไม่ใหญ่มาก แต่ที่อยากให้ลองกินกัน คือ มันหวานญี่ปุ่น ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่ซื้อร้านเดียวกันนี่แหละ ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกก มันหวานญี่ปุ่นใดๆที่เคยกินในไทย ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำชิดซ้ายเลย
มาเจอใบไม้แดงหน้าห้องน้ำที่สถานีแทน ฮ่าๆ
ออกมาเดินงงๆหน้าสถานี เจอวิวแบบนี้ ดู slow life ดี
อีกสัญลักษณ์นึงประจำเกียวโตจากนั้นเราก็มองหาป้ายเพื่อไปยัง bamboo groves ทางเดินเลียบป่าไผ่ เดินลัดเลียบป่าไผ่มา ถ่ายรูปออกมาสวยดีนะ แต่ของจริงก็ธรรมดาอ่ะ
ระหว่างเดินตรงทางเลียบป่าไผ่ก็เจอวัด Nonomiya ่jinja คนเข้าไปสักการะกันเต็มเลย
จากนั้นเราก็เปิด google map เพื่อจะไปยังจุดหมายถัดไป นั่น คือ Togetsukyo bridge (bridges to ford to the moon) ระหว่างทางผ่านเมือง ขอบอกว่าน่าเดินเล่น ช็อปปิ้งมาก (เน้นของกินนะ) ร้านอาหารเพียบด้วย เสียดายเวลาน้อย มาแค่ one day trip เห็นบรรยากาศแล้วอยากมาเที่ยวเกียวโตนานๆเลย
ผ่านวัด Tenryuji ด้วย แวะเข้าไปเล็กน้อย เห็นเส้นทางถ้าจะเข้าไปวัดต้องเดินอีกไกลเลยไม่ได้เข้าไป T_T
และแล้วเราก็ถึง Togetsukyo bridge สะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำโฮสุ มีภูเขาอาราชิยามาเป็นฉากหลัง เสียดายมาตอนใบไม้ไม่ค่อยแดงแล้ว
นั่งชิลตรงเลียบแม่น้ำ นี่คือ ดี
ฝั่งตรงข้ามร้านขายของฝากเพียบ ขนาดนี่อร่อยดี แต่ไม่ต้องรีบซื้อที่นี่เหมือนเราก็ได้ kansai airport ก็มีขาย T_T
ตรงแถวนี้เค้าก็มีให้เช่าชุดใส่ เราก็จะเห็นหนุ่มสาวแต่งตัวแบบชาวญี่ปุ่นกันเกร๋ๆเพียบ
จากนั้นเราก็จะไปวัดทองกันต่อ เดินมาขึ้น JR Saga Arashiyama เพื่อจะไปลงที่ Emmachi station พอถึงหน้าสถานีบ่ายแล้วเลยแวะกินข้าวที่ yoshinoya ร้านนี้ก็มี chained restaurant ในไทย แต่ขอบอกว่ารสชาติที่โน่นกะที่นี่แตกต่างราวฟ้ากะเหว
เราลองสั่งชุดสุกี้เนื้อมากิน ซาบซึ้งอร่อยมาก นี่ขนาดจัดเป็นอาหารราคาประหยัดของที่โน่นยังดีขนาดนี้
นับจากสถานี emmachi เดินออกจากสถานี เลี้ยวขวาเจอร้าน yoshinoya จากนั้น ไปสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายไปป้ายรถเมล์ เพื่อไปขึ้นรถบัส no. 204 205 แล้วลงที่ Kinkakujimichi bus stop เพื่อไปยังวัด Kinkaku-ji
ถ้ามาตอนใบไม้แดงกำลังบานคงสวย นี่โรยแล้วยังเห็นร่องรอยความสวยงาม
ค่าเข้า 400 เยน
วัดทอง สวยมากกก แต่ของจริงเล็กกว่าที่คิด ><
ตอนเราไปเจอนักศึกษา นักเรียนเหมือนมาทัศนศึกษา คนอย่างเยอะ คือ ถ่ายไม่ให้ติดคนที่ยากมากกกอ่ะ ยิ่งเป็นโรคแพ้คนเยอะๆอยู่
บัตรเข้า เก๋มั้ยหละ
ใกล้ๆ ทองเหลืองอร่าม มาที่นี่แล้ว กลับไปคิดถึงอิคคิวซัง 55
มีที่จิบชา
ไหว้พระ ทำบุญกัน
เทียนที่นี่เก๋มาก คือ มีคำอวยพร สลักที่เทียน
ใครอยากขอพรด้านไหน จัดไป
ชอบๆ อิคคิวซัง
one day trip ที่เกียวโตนิถือว่าน้อยไปมากก เสียดายยอยู่ ตั้งใจแล้ว ต้องกลับมาซ้ำ เมืองนี้น่าอยู่ น่าเที่ยวมาก
กลับจากเกียวโตมาโอซาก้า เราก็เก็บตกช็อปปิ้งกันเล็กน้อยก่อนกลับเมืองไทย ก่อนตบท้ายมือสั่งลาญี่ปุ่นที่ Jinen นั่งรถไฟมาลงที่ SHINSAIBASHI คะ เดินมาซักไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง ร้านอาหารแถวนี้เยอะมาก ดูแนวชิคๆด้วย
หน้าร้าน Jinen
บรรยากาศภายในร้าน
ที่นี่เค้า concept : order what you like เขียนที่เล่มเมนูเลย
ปลาไหลที่นี่อร่อยมากกกกกก อร่อยสุดตั้งแต่กินมาสำหรับการมาญี่ปุ่นทริปนี้
รวมๆซาซิมิ
ซูชิ จริงๆเราสั่งเป็นคำนะ แต่เค้าใ่ส่งานมาให้แบบนี้เลย ร้านนี้ผ่านมาก ทั้งรสชาติ และราคา
สุดท้ายต้องกลับแล้ว วัดหยุดพักผ่อนของการท่องเที่ยวสั้นเสมอ
เราพักที่ Ritz-Carton Osaka ตอนแรกนึกว่าจะต้องขึ้นรถไฟเพื่อไป Kansai International airport แต่พอไปถามพนักงาน เค้าก็แนะนำว่าให้ใช้ Airport limousine bus ซึ่งห่างจากตัวโรงแรมไปแค่ 2 blocks ถนน ใกล้มาก ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล สรุปก็เลยกลับโดยใช้ Airport limousine bus
พอเช้าก็มารอซื้อตั๋ว
ค่าโดยสารก็ 1550 เยน แพงกว่ากลับรถไฟหน่อย แต่สะดวกกว่าเยอะ สำหรับเรา ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล มาถึงท่ารถเค้าก็ยกกระเป๋าให้ ส่งถึง terminal
หน้าตารถบัส
จบแล้วคะ ขอบคุณที่ติดตาม :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น