หลังจากเคยเขียนทริปรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเมื่อปีก่อน แล้วได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เราจัดทริปที่ไปเที่ยวยาวๆด้วยตัวเองและอยากแบ่งปันข้อมูลอีกแล้วเผื่อใครสนใจ
รอบนี้เราวางแผนจะไปฉลองปีใหม่ ปี 2559 ที่ญี่ปุ่น โดยบังเอิญ จากตอนนั้นเที่ยวอยู่ที่โอกินาวา (ติดตามรีวิวได้ตาม link)ช่วงเดือนพฤษภาคม เปิด FB ปุ๊บ มีตั๋วโปร air asia X ก็จัดไปปั๊บ โดยไม่ต้องคิด ตั๋วไปกลับดอนเมืองโอซาก้า ค่าตั๋วราวๆ 11000 บาทเท่านั้นรวมทุกอย่างแล้ว....เรียกได้ว่าจองไปก่อนล่วงหน้านานทีเดียว
ตลอดระยะเวลา 13 วัน คือ เริ่มตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2559 - 9 มกราคม 2560 ถือว่ามีเวลาเที่ยวค่อนข้างมากทีเดียว แต่การจัดทริปนี้มีข้อจำกัดที่เราอยากให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในทริปนี้ คือ
- เป็นครั้งแรกของผู้ร่วมทริปคนที่เหลือที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่น จะพาเค้าไปสัมผัสญี่ปุ่นอย่างไรให้ได้เที่ยวทั่วที่สุด
- อยาก countdown ฉลองปีใหม่ที่โตเกียว
- ผู้ร่วมทริป request อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิ
- ผู้ร่วมทริปอยากไปทั้ง USJ และ Disneyland
- สนอง need ส่วนตัวอยากไปเส้นทางใหม่ๆบ้างที่ไม่เคยไป
- อยากสัมผัสหิมะ
- ซื้อ JR pass แบบ 7 วัน เดินทางไงให้ทั่วถึงตามที่ที่อยากไป และคุ้มค่าตั๋วสุด (เราซื้อในงานท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่จัดที่ paragon ราคา 8100 บาท)
- Day 1 (28 Dec 15) : เดินทางจากกทม.สู่โอซาก้า (osaka)
- Day 2 (29 Dec 15) : ตะลุยโอซาก้าโดยใช้ osaka amazing pass
- Day 3 (30 Dec 15) : ไปดูภูเขาไฟฟูจิที่คาวากูจิโกะ (kawaguchiko) : เริ่มใช้ JR pass
- Day 4 (31 Dec 15) : คืนข้ามปีที่โตเกียว (Tokyo)
- Day 5 (1 Jan 16) : ไหว้พระ ช็อปปิ้งที่โตเกียว
- Day 6 (2 Jan 16) : Tokyo Disneyland
- Day 7 (3 Jan 16) : ไปที่ใหม่ๆบ้าง ทาคายาม่า (Takayama)
- Day 8 (4 Jan 16) : อยากไปสัมผัสหิมะที่ชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
- Day 9 (5 Jan 16) : ดูไฟ Nabana no sato ที่นาโกย่า (Nagoya) : ครบอายุ JR pass
- Day 10 (6 Jan 16) : USJ
- Day 11 (7 Jan 16) : เที่ยววัดที่เกียวโต (Kyoto)
- Day 12 (8 Jan 16) : Arashiyama ที่เกียวโต
- Day 13 (9 Jan 16) : กินเนื้อโกเบ (Kobe) ก่อนบินกลับ
โรงแรมที่พักสำหรับทริปนี้ คือ
- Hotel New Hankyu Osaka
- Fuji Lake Hotel Kawaguchiko
- Ryokan Tanabe Takayama
- Shirakawago-Shimizu
- Sunny Stone Hotel Osaka
website หลักๆ ที่ใช้จอง ก็คือ booking.com , japanican เหมือนเคย แต่ปกติแล้วก็จะเปรียบเทียบดูราคาเทียบกะ website ของโรงแรมที่จะไปพักเองด้วย บางทีก็ได้เรทที่ดีกว่า
Internet รอบนี้ก็เปิดใช้ samurai wifi ก็ใช้โปรของ King power ลด 20% ชอบที่นี่อย่างนึงตรงที่ว่าโทรไป call centre ทำงานค่อนข้างเร็วดี แล้วอย่างเราบินหางแดง ที่ดอนเมืองไม่มีเคาน์เตอร์ของ samurai wifi เค้าก็มาส่งให้ถึงที่ หรือใครจะให้ส่ง Ems ก็ได้ แต่แนะนำว่าเผื่อวันส่งล่วงหน้าไว้หน่อยก่อนการเดินทาง....อ่อ ตอนสมัครถ้าเค้าถามเอาแบบที่แพงกว่ามั้ย เค้าจะบอกว่าถ้าไปป่าเขาไกลๆ สัญญาณอาจจะไม่ชัดหรือไม่มี เราขอแนะนำว่าไม่จำเป็นคะ อย่างเส้นทางที่เราไปก็ครอบคลุมหมดนะ เปิดแบบแค่ธรรมดาไป แล้วอีกอย่าง เดี๋ยวนี้ที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นมักจะมี free wifi ซะหมดแล้ว
เกริ่นมาซะนาน ไปเที่ยวกันดีกว่าคะ
================================================
Day 1 (28 Dec 15) : เดินทางจากกทม.สู่โอซาก้า (osaka)
ออกเดินทางโดยหางแดงเครื่องออกประมาณ 15.20 ถึงโอซาก้าประมาณ 22.40 กว่าจะผ่านตม.รับกระเป๋าออกมาได้ก็ห้าทุ่มกว่า แล้วก็เหมือนเดิมเรานั่ง airport limousine bus มาลงที่โรงแรมที่พักเลย คือ Hotel New Hankyu Osaka ใครอยากอ่านรายละเอียดเรื่องการเดินทางเข้าเมืองขออ้างอิงไปถึงโพสเก่าที่เคยเขียนไว้นะคะ เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ประเดิมมื้อแรกที่ Yoshinoya อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเลยเดินไปทางขวามือ แถวๆนั้นก็มี familymart เผื่อใครจะหาเสบียง....ตอนที่ทานตีหนึ่งแล้ว แต่คนก็ยังเต็มร้านอยู่เลย Day 2 (29 Dec 15) : ตะลุยโอซาก้าโดยใช้ osaka amazing passวันที่ 2 เราจะเที่ยวในตัวเมืองโอซาก้ากันคะ ครั้งนี้เราก็ใช้ osaka amazing pass แบบ 1 day ราคา 2000 เยน ซื้อที่สถานีรถไฟ JR Osaka station....เข้าไปดูกันก่อนได้จากใน website ของเค้าว่าบัตรเบ่งนี้ใช้ได้ที่ไหนบ้าง วันไหนที่ไหนปิดบ้าง เพื่อการวางแผนการเที่ยว อย่างช่วงที่เราไป นี่ใกล้ปีใหม่ต้องเช็คอย่างดีมากๆว่าที่ไหนปิดบ้าง เพราะปิดกันเยอะทีเดียว T_T
หลังจากซื้อ pass แล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย จุดหมายปลายทางแรกของเราคือที่ Shitennoji Temple จาก JR osaka station ก็ไปลงกันที่ SHITENNOJIMAEYUHIGAOKA station exit #4เดินไปจากสถานีไม่ไกลมาก ระหว่างทางเดินจะเหมือนเป็นซอยบ้านคนนะ ไม่ได้เดินตรงติดถนนใหญ่ พอเดินมาถึงนี้ปุ๊บตอนแรกนึกว่าใช่ ต้องเดินเลยไปอีกนิดนึงนะคะ ถึงจะถึงทางเข้าวัด พอไปถึงปุ๊บก็ใช้ osaka amazing pass แลกบัตรเข้าชมที่นี่ ก่อนเข้าวัดก็ตามธรรมเนียมนะฮะ ล้างมือกันซะก่อน ชำระล้างร่างกายน่าเสียดายมาก ตอนเราไปเจดีย์ชั้นๆปิดซ่อมแซมอยู่ ก็เลยเห็นประมาณนี้แทนที่ตรงประตู มีวงล้อหมุนๆนี้ เห็นคนหมุนกันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพื่ออะไรเสร็จจากที่วัดแล้ว เราจะไปต่อกันที่ Cruise Ship Santa Maria และ Tempozan Giant Ferris Wheel ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ก็ขึ้นรถไฟไปลงที่ Osakako station พอถึงสถานีก็ออก exit #1 เดินไปไม่ไกลมาก เราจะไปขึ้น Cruise Ship Santa Maria ก่อน อันนี้เราพลาดไปคราวก่อน ไปช้าไป มันหมดรอบที่ใช้ osaka amazing pass ได้ รอบนี้เลยต้องมาแก้ตัวสำหรับผู้ที่มีบัตร amazing osaka pass ไม่ต้องไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ไปที่เรือได้เลย ขึ้นได้เลยตามรอบคะ จุดขึ้นเรือก็อยู่ที่ port of osaka ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukanตอนเรือยังไม่ออก เค้าก็ยังกางใบไว้ พอเรือจะออกเค้าก็เก็บใบคะ บรรยากาศก็เห็นวิวประมาณนี้ ระยะเวลาก็ประมาณ 45 นาที ตอนที่เราไปอากาศประมาณเลขตัวเดียว ก็จัดว่าหนาวที่เดียวคะระหว่างล่องเรือจากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาที่ Tempozan Giant Ferris Wheel อันนี้ก็ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วนะคะ ขึ้นมาได้เลย วิวจากกระเช้าก็ประมาณนี้ ลงจากกระเช้ามาก็เข้าไปในตัวห้าง Tempozan Market Placeที่ชั้น 2 ของห้างติดๆกันกับบริเวณที่เราขึ้นกระเช้าจะมี Naniwa Kuishimbo Yokocho เป็นโซนที่รวบรวมร้านอาหารดังๆมา คนเยอะทีเดียว มีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท เราจะทานอาหารกลางวันกันที่นี่เราเลือกร้านนี้ เน้นเป็นอุด้ง กะข้าวหน้าต่างๆ อร่อยทุกจานจากตรงนี้ก็มุ่งหน้าสถานีต่อไป เราจะไปลงกันที่ TRADECENTERMAE station เพื่อไปดูวิวเมืองโอซาก้าจาก Osaka Prefectural Government Sakishima Building Observatory...พอถึงสถานีแล้วก็ออกทางออก exit #2 จะมีทางเชื่อมเดินทะลุห้างไป มีป้ายบอกตลอด ไม่ต้องกลัวหลง (แม้ทางจะดูซับซ้อนหน่อย)
พอถึงที่ตึกก็เอาบัตร osaka amazing pass ไปแลกเป็นบัตรเข้าชมวิวขึ้นบันไดเลื่อนต่อไปขึ้นไปสูงทีเดียว ด้านบนก็จะวนรอบได้เป็นวงกลม เห็นวิวต่างๆ ประมาณนี้ ....จริงแล้วแล้วมันก็ใกล้ๆกับที่เราไปขึ้นเรือ Cruise Ship Santa Maria และ Tempozan Giant Ferris Wheel วิวอาจจะแลดูใกล้ๆกัน แต่ด้วยความบ้าถ่ายรูป ก็นะ มาเก็บมันให้ครบ ก่อนจะไปเที่ยวต่อ เราก็กลับไปที่ JR station ก่อนเนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เราเริ่มใช้ JR Pass จึงต้องเอาคูปองที่เราได้จากตอนซื้อ JR pass ที่ไทยไปแลกก่อน ....กลัวเที่ยวเพลินแล้ว counter เค้าปิด + ตอนเช้าวันพรุ่งนี้เราจะต้องออกเช้ามากกกกกกหน้าตา counter ก็แบบนี้เลย หาให้เจอคะ ตอนแรกเราก็หาไม่เจอ เดินอยู่นาน อาศัยถามคนที่นั่นเอาว่าไปแลกตรงไหน .....การแลกเป็น JR rail pass ก็ใช้ passport ร่วมด้วย เค้าจะเช็คชื่อชื่อเราตรงกะที่ซื้อมามั้ย เราก็บอกวันที่เราจะเริ่มใช้ JR pass วันแรก (เนื่องด้วยมันมีอายุ 7 วันหลังจากวันแรกที่ใช้บริการ เค้านับเป็นวันนะคะ ไม่ได้นับตามชม.เป๊ะๆ ที่ใช้ครั้งแรก) แล้วเราก็ให้เจ้าหน้าที่เค้าช่วย reserve seats ให้หมดเลยตลอดทริปการเดินทางของเราตามแผนที่เราวางมา ....เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดีมาก คือ เราก็เกรงใจมากก แต่เพื่อความง่ายต่อชีวิตที่เหลือของเราก็จัดไปคะ ลืมถ่ายตอนที่แลก JR pass เสร็จแล้วมาให้ดู จะเป็นเล่มมาให้ มีระบุวันที่เริ่มใช้และหมดอายุ ก็พกไว้ตลอดการเดินทาง ห้ามทำหายเด็ดขาด เพราะแพงเหลือเกิน
พอจัดการภารกิจเสร็จ เราก็ไปกันที่ Dotombori นั่งรถไฟไปลงที่ Namba station ตอนแรกคิดว่าจะไปนั่ง Tombori River Cruise แต่พอไปถึงได้คิวคือรอบสุดท้ายเลยประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งต้องรอนานมากก ก็เลยบาย เป็นเดินเล่นแถมนี้แทนตามธรรมเนียม ยังไงก็ต้องมาถ่ายกะป้าย Qlicoมีประเทศไทยด้วยนะแวะกินขนมร้านนี้ Maisan de gigi เดินผ่านแล้วมันหอมวาฟเฟิลมากกก แต่ที่เด็ดกลับเป็นไอติมบริเวณแถว shinsaibashi ตกแต่งไฟอย่างสวยงามก่อนกลับไปที่พัก เรากะแวะซื้อของที่ daimaru osaka station ....มาที่นี่ห้ามพลาดนะฮะ สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ล องุ่น ผลไม้เมืองหนาว มันดีมากกกจริงๆ สุดท้าย ของวันนี้ คือ Umeda Sky Building Floating Garden Observatory ถ้าใครมารถไฟฟ้าใต้ดินก็ลงที่ Umeda station ถ้ามา JR ก็ลงที่ Osaka station ส่วนเราเดินไปจากโรงแรม ที่เคาน์เตอร์ซื้อบัตร ก็ใช้ osaka amazing pass แลกบัตรเข้าเอาส่งท้ายกันด้วยภาพยามค่ำคืนของเมืองโอซาก้าคะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ จะพาไปดูภูเขาไฟฟูจิที่คาวากูจิโกะ (kawaguchiko)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น