27/1/56

รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 5) : ปูซาน (Busan)

หลังจากพาไปเที่ยวรอบโซลในตอนก่อน ตอนนี้จะพาไปเที่ยวเมืองปูซาน แบบ one day trip กันคะ

วันที่ 7 ของทริป
เราเดินทางกันด้วย KTX ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงของเกาหลีกันคะ จริงๆจากโซลไปยังปูซานนี่จัดว่าไกลเหมือนกัน แต่ KTX ช่วยร่นระยะเวลาให้เหลือเพียงแค่ 3 ชม. จองตั๋วล่วงหน้ามาจากเมืองไทยได้เลย แล้วก็มาออกตั๋วพร้อมกับจองที่นั่งได้ที่ Seoul station รอบรถมีถี่เหมือนกัน วางแผนการเดินทางกันตามสะดวก
จาก KTX Seoul Station เราก็นั่งไปลง KTX Busan Station สถานีปูซานนี่ใหญ่มาก สมกับเป็นเมืองอันดับสองของเกาหลี
 แอบเห็นตลาดหุ้นด้วย ดาวขึ้นที่นี่เป็นสีเขียว คงเป็นสีมงคลเหมือนอย่างประเทศจีน
จากนั้นเราก็นั่ง MTR ไปยัง Nampo station (แนะนำให้เติมเงินมาจากโซลให้เรียบร้อยคะ บัตร T-money ใช้ด้วยกันได้) จุดหมายปลายทางของเรา คือ Busan tower จริงๆตามที่ research ไว้เค้าให้ออกทางออก 1,3 จากนั้นให้เดินตามป้ายไปที่ Yongdusan park ประมาณ 80 เมตร จะเจอบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปยังสวนและหอยคอย โดยจะตัดผ่านถนน Gwangbok-ro แต่ปรากฏว่าออกไปเดินๆแล้ววนๆ (หลงนั่นเอง) ไปเจอ PIFF Square แต่ไม่รู้จักดารา ผู้กำกับตามรอยฝ่ามือเลย T_T
เราก็เดินวนๆ หลงๆ ไป แทนที่จะได้ขึ้นบันไดเลื่อนตามที่เค้ารีวิวกันไว้ กลับกลายเป็นเดินขึ้นเขาตามทางรถแทน
เหนื่อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน :)
ขึ้นไปชั้น 2 ชมสวน Yongdusan Park ซึ่งตรงนั้นจะมีลานชมวิวอยู่ และแน่นอน มีคนมาคล้องกุญแจเหมือนโซลทาวเวอร์
จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วขึ้นบนชมวิวด้านบนของ Busan tower กันคะ จริงๆถ้าใครไม่อยากเสียตังค์เพิ่ม วิวจากชั้นสองตรงนี้ก็งดงามพอควร แต่อาจจะไม่เห็น top view ของเมือง
แล้วไม่นาน คุณพายุหิมะก็ทำลายบรรยากาศอันงดงามที่เฝ้าชมอยู่ พอหิมะตกหนัก วิวสวยงามข้างหน้าที่มองอยู่ก็กลายเป็นมืดทะมึนไปเลย T_T 
มาเมืองทะเลทั้งที ต้องจัดอาหารทะเลสดๆ ไป Jagalchi Market กันคะ ทางเข้าจะอยู่ตรงข้ามกะประตูเข้า PIFF square เดินไปในสุดจะเห็นตึกที่ขายอาหารทะเล จริงๆร้านด้านนอกก็มีเยอะนะคะ แต่เห็นแนะนำให้เข้าไปในตึกกัน ก็เลยตามไปทานบ้าง ขึ้นไปยังชั้น 2 จะมีร้านมากมาย เชิญเลือกได้ตามอัธยาศัย 

ตอนแรกก่อนที่เรามาอ่านรีวิวนึกว่าทุกคนจะมาทานปูที่นี่ กลับกลายเป็นว่าพอมาถึงเมนูที่นี่เน้น sashimi มากกว่าแหะ ก่อนเลือกร้านก็ลองดูราคา ต่อรองกันให้ดีก่อนนะคะ มื้อนี้จัดเป็นมื้อที่แพงสุดในทริปของเราเลย แต่เทียบกับความสดของอาหารทะเลก็ต้องยกให้ ไม่สดได้อย่างไร เพราะพอเลือกเมนู คุณป้าคุณลุงเจ้าของร้านก็จะพาลงไปเดินในตลาดให้ชี้ปู ปลา เพื่อชั่งน้ำหนักของสดกันเลยทีเดียว 
ท้องอิ่มแล้ว สำหรับสาวนักช็อปทั้งหลายขอแนะนำให้ไปเดินช็อปที่ Gwangbok-ro shopping street ที่นี่ของถูกมากๆเมื่อเทียบกับในโซล 

จุดหมายถัดไป เราจะไปยัง Haedong Younggungsa temple วัดริมทะเลซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราชอบมากๆของการมาเยือนปูซาน นั่ง MRT ไปลง Haeundae Station ออกทางออก 7 แล้วต่อรถเมล์สาย 181 ลงที่ป้าย Younggungsa temple สังเกตป้ายหินของวัดที่ตั้งหน้าทางเข้า ใช้เลาเดินจากปากทางเข้าประมาณ 15 นาที แต่แนะนำว่าเรียกแท๊กซี่เอาก็ได้สะดวกดีคะ สำหรับคนที่มา 1 day trip อย่างเรา เดินทางมาวัดนี้ต้องวางแผนดีๆหน่อย ถ้ามาเย็นเกิน แสงจะหมด ถ่ายรูปไม่สวยได้นะคะ 
ด้านหน้าวัดจะมี 12 นักษัตรอยู่

ใครอยากขอพรเฉพาะด้านก็มี เช่น ขอให้เรียนเก่งๆ ขอลูกเป็นต้น
เดินลึกเข้ามาจะเห็นวัดที่อยู่ริมทะเล คุ้มค่าที่มาจริงๆคะ 
สัญลักษณ์ของวัด
จะเห็นว่ามาตุ๊กตาเล็กๆวางอยู่เรียงราย
วัดอย่างนี้นิกายอะไรหนอ
เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นที่สักการะเจ้าแม่กวนอิม
ขากลับจากวัด รถแท๊กซี่จะหายากมาก ไม่รู้เพราะเราออกมามืดแล้วด้วยรึป่าว ต้องเดินย้อนกลับไปเพื่อขึ้นรถเมล์หน้าวัด กลับไปยัง Haeundae station เมื่อถึงลองเดินไปที่หาด Haeundae Beach โดยเดินตามป้ายทางไป Haeundae aquarium จริงๆตั้งใจจะไปดูสะพาน แต่ปรากกฎว่าไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นใครที่คิดจะไปหาดนี้ตอนมืด แนะนำว่าข้ามโปรแกรมนี้ไปเลยดีกว่า
เพื่อจะได้เที่ยว hilight ของปูซานให้ครบ เราก็เรียกแท๊กซี่ไปยัง Gwangali Beach  เพื่อชมวิวสะพาน ที่หาดนี้ กลางคืนคึกคักมาก ร้านอาหารริมหาดเยอะด้วย
เริ่มมีแววไม่ค่อยดี เกิดอุปสรรคของทริป คือ สมาชิกร่วมทริปเราไปกัน 6 คน เลยต้องแยกแท๊กซี่เป็น 2 คันปรากฏว่าเรียกแท๊กซี่ไม่ได้พร้อมกัน เลยไม่ได้ตามๆกันไป แถมแท๊กซี่ก็พาส่งกันคนละจุด กว่าจะหากันจนเจอ ก็ต้องพึ่ง wifi ร้านกาแฟ จุดนัดพบเลยเป็นที่ bene ....แนะนำว่า เรียกแท๊กซี่ตามๆกันไปดีกว่านะคะ ห่างกันกว่าจะหากันเจอ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นนี่ทรมานมาก
จากนั้นก็กลับไปยัง Busan station เพื่อนั่ง KTX กลับโซลคะ
เมื่อถึง seoul station คืนนี้จะเป็นอีกหนึ่งคืนที่จะจำได้ไม่ลืมสำหรับทริปเกาหลี เนื่องจากรถ mrt เนี่ยปิดตั้งแต่เที่ยงคืน พอเราถึง seoul ดึกหนทางเดียวที่จะกลับที่พักได้ก็คือ taxi ซึ่งคิว taxi ก็รอนานมาก แถมไม่มีรถเยอะแบบบ้านเรา รอกันเป็นชั่วโมง ณ ป้ายรถเมล์ ท่ามกลางความหนาวเหน็บติดลบหลักสิบองศา มันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ฉะนั้น ใครจะไปเที่ยวไหน ขอให้กลับก่อนเที่ยงคืนคะ!!!!

วางแผนการเดินทางกันให้ดีๆ สำหรับการเที่ยว one day trip เพราะเวลาค่อนข้างจำกัดมาก แค่เดินทางไปกลับก็หมดไป 6 ชม.แล้วสำหรับโซล-ปูซาน จริงๆปูซานเป็นเมืองน่ารัก อากาศดี(เมื่อเทียบกับโซล) ของช็อปปิ้งก็ถูก มีสถานที่เที่ยวเยอะ ถ้ามีเวลา เราว่ามาค้างซักคืนนึงก็ดีคะ 

ตอนหน้า ตอนจบแล้ว จะพาไปเที่ยวภายในโซลกันบ้าง

20/1/56

รีวิว เที่ยวเกาหลี (ตอนที่ 4) : เกาะนามิ (Namiseom) และ Everland (เอเวอร์แลนด์)

หลังจากที่ไปเที่ยวเมืองไกลๆในตอนก่อนๆมาแล้ว เราจะไปพาไปเทียวรอบๆโซลบ้าง เริ่มด้วยไปสถานที่ยอดฮิตของคนไทย แทบจะเรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่ 78 ของประเทศไทยเลยก็ได้ เกาะนามิ

วันที่ 5 ของทริป
การเดินทางก็เริ่มจากขึ้น MRT ไปลงยังสถานี Gapyeong Station แอบไกลพอควรเลยจากตัวเมือง จากนั้นก็เรียกแท๊กซี่หน้าสถานีเพื่อไปยังเกาะนามิ บอกเค้า นา-มิ-ซอม เค้าก็เข้าใจได้ในทันที
เมื่อไปถึงก็นั่งเรือข้ามฟาก เหมือนเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์-ศิริราชเลย เพียงแต่เรือไฮโซกว่าหน่อย มีบรรยายภาษาไทยบนเรือด้วย แถมที่ประตูทางเข้าก่อนลงเรือ เค้าทำเหมือนเป็นผ่านแดนวีซ่า ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทย
ระหว่างรอเรือออก ขอให้ไปชมบรรยากาศแม่น้ำตรงนี้คะ สวยมากๆ
บรรยากาศบนเกาะ นี่เค้าก็ทำจุดต่างๆไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะเยอะมาก เป็นสถานที่ที่สำหรับคนชอบถ่ายรูป กับชอบอะไรแนวๆรักๆ กุ๊กๆกิ๊กๆจริงๆ เก็บบรรยากาศมาอวดได้ไม่หมด ส่วนใหญ่เป็นรูปเพื่อนๆและรูปเราเอง เขิลๆ เอารูปที่ไม่มีคนมาลงแทนหละกันนะคะ
หน้าหนาว บรรยากาศก็ขาวโพลนอย่างที่เห็น
หนาวมาก หาอะไรร้อนๆระหว่างทางแก้หนาวได้  แนะนำแป้งทอดที่อยู่ตรงใกล้ๆกับรูปปั้นเบยองจุนอร่อยมากๆ
ต๊อกย่าง
ไส้กรอก
แป้งทอดอันนี้เด็ดจริง
ที่นี่ธรรมชาติมาก มีน้องสัตว์ต่างๆออกมาแวะเวียนเป็นระยะๆ
เดินมาเรื่อยๆ เริ่มสงสัยว่าเค้ามาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าคนไม่ตั้งใจมาตามรอย series อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเรา "ฉันมาทำอะไรที่นี่"  แต่เดินมาถึงมุมยอดฮิตก็เข้าใจได้ว่าอ่อ มาถ่ายรูปกับแนวต้นไม้นี่เอง (ห๊ะ แค่นี้หรอ!)
จริงๆแล้วใกล้ๆกันด้านซ้ายมือจะมีแนวต้นไม้เช่นนี้เหมือนกัน ไม่มีคนด้วย ไปถ่ายตรงนั้นดีกว่า
แล้วก็อีกหนึ่งจุด checkpoint ที่แสดงว่าเรามาถึงที่นี่แล้ว รูปปั้นเบยองจุนนั่นเอง ตอนทัวร์ลงนี่คนรุมล้อมพี่เบเยอะมาก ต้องต่อคิวกันถ่ายเลยทีเดียว
บรรยากาศรอบๆ ก็มีจุดให้ถ่ายรูปได้มากมาย  อ่อ พื้นพอเจอหิมะนี่ลื่นมากมาย เดินๆก็จิกเท้าระวังล้มกันด้วยนะคะ
ก่อนที่จะเดินกลับ ขอแนะนำให้เดินไปจนสุดทางจะเจอริมน้ำคะ บรรยากาศตรงนั้นดีมากๆ วิวแม่น้ำและภูเขา สวยๆ เป็นอีกมุมนึงที่เราชอบของเกาะนามิ
ทริปนี้มาที่นี่ถือว่าโชคดีมาก มาตอนเช้าที่หิมะยังไม่ตก พอระหว่างทางเดินกลับนี่หิมะตกหนักเลย คนที่มาเดินถ่ายรูปคงไม่สนุกเท่าไรถ้าหิมะตก ตอนไปถึงสถานีรถไฟนี่หิมะหนามาก (เทียบกับรูปแรกได้) สภาพอากาศกับการจัดตารางท่องเที่ยวนี่มีผลมาก ยากจะคาดเดาเหมือนกัน ><
จากนั้นเราก็เดินทางกลับเข้าไปในโซลไป (เดี๋ยวเอาไว้เล่าเรื่องในโซลในตอนอื่นแทนละกันนะคะ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 6 ของทริป
วันนี้จะพาไปรื้อฟื้นความเป็นเด็กในตัวเองกันอีกครั้งนึง ไปสวนสนุกเอเวอร์แลนด์กันคะ การเดินทางก็เริ่มจากนั่ง MRT มาลง Gangnam Station อ่ะ Gangnam ย่านไฮโซตามเพลงดังที่ hot hit ไปทั่วโลกนั่นแหละคะ พอถึงสถานีให้ออก  Exit 5 or 10 เพื่อไปขึ้นBus No. 5002 ซึ่งที่นี่ bus stop มีเยอะมาก กว่าจะหาป้ายรถเมล์เจอนี่เดินอยู่นาน คือ ระบบมันจะคล้ายๆที่ฮ่องกง คือ รถเมล์แต่ละสายจะมีป้ายจอดเป็นของตนเอง สาย 5002 นี่อยู่ตรงเกาะกลางนะคะ จากนั้นนั่งจนไปลงที่ป้าย everland เพื่อต่อ shutter bus ของ everland เข้าไปยังสวนสนุกอีกทีนึง

ก่อนมาอย่าลืมปริ๊นท์บัตรส่วนลด คูปองหนึ่งใบ ใช้ลดได้สูงสุด 4 คน ฉะนั้นใครไปเกิน 4 คนก็ปริ๊นท์ไปเผื่อด้วยคะ 

โชคร้ายของเราอีกแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ วันก่อนที่เราจะไปหิมะตกหนักมาก เมื่ออุณหภูมิอากาศหนาวถึงจุดนึง พวกเครือ่งเล่น extreme ทั้งหลายก็พากันปิดหมด พาเหรดที่เป็นอีกหนึ่ง highlight ก็งด เครื่องเล่นที่เปิดก็จะเป็นเครือ่งเล่นเบบี๋ทั้งหลาย จริงๆพนักงานที่ขายตั๋วเค้าก็น่ารักมาก บอกตั้งแต่ต้นว่าอะไรปิดบ้าง แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาถึงที่ ก็มาชมบรรยากาศแทนแล้วกันสำหรับเรา แต่สำหรับคนที่ตั้งใจจะไปหน้าหนาวอย่างเรา จะตัดโปรแกรมนี้ออกจากทริป ไปเที่ยวที่อื่นแทนก็ไม่เสียหายอะไร

ไปดูบรรยากาศกันดีกว่า อันนี้เป็นบริเวณด้านหน้า
 ยังดี cable ไม่ปิด เรานั่ง cable ข้ามไปโซนด้านหลังกันคะ
ตลกมากอย่างนึง เวลาเราจะเล่นเครื่องเล่นอะไร พนักงานตรงทางเข้าเค้าจะทำมือบ๊ายบายๆ ไอ้เราตอนแรกก็คิดว่าบอกว่าปิด เข้าไม่ได้ แต่จริงๆเป็นการแสดงความ welcome ต่างหาก -_-

ด้านหลังบรรยากาศก็เป็นแนวๆนี้ เค้าจะจัดเครื่องเล่นเป็นโซนๆ ดูแผนที่ที่เค้าให้มาประกอบได้คะ ว่าเราสนใจจะเล่นเครื่องไรแนวๆไหน
แวะกินร้าน burger อะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้ แต่ไก่ทอดอร่อยมากๆอ่ะ ปลื้ม
รู้สึกคุ้มที่มาเอเวอร์แลนด์ก็ตรงที่เข้า safari นี่แหละ คิวขึ้นรถยาวหน่อย แต่คุ้มที่รอมากๆ  หรือเพราะเราไม่เคยดู safari มาก่อนไม่รู้เลยตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ
เค้าจะกั้นเป็นโซนๆ ผ่านจากสิงโต liger ก็เป็นน้องเสือ
หมีที่นี่แลดูเชื่องมาก และเหมือนคนมากๆ ตอนที่คนขับโยนอาหารให้ มันจะเปลี่ยนจากคลานสี่ขามาเป็นเดินสองขา ไล่ตามรถ จนเราแอบคิดว่าเหมือนคนใส่ชุดหมีมาแสดงให้ดู
มาเก็บตกบรรยากาศด้านนอกกันหน่อย
T express ของเล่นเด็ดที่เราพลาด
มาเดินซื้อของฝากกัน ร้านที่นี่จริงๆกระจายอยู่หลายโซนมาก แต่ซื้อตอนกลับก็สะดวกดี ไม่ต้องแบก
ก่อนจะกลับ เค้าเริ่มเปิดไฟแล้ว บรรยากาศตอนอย่างนี้ก็สวยดีไปอีกแบบ
ตอนหน้าเดี๋ยวจะพาไป one day trip ที่ Busan คะ :)