8/5/54

Something borrowed

"Something borrowed" เป็นภาพยนตร์ซึ่งสร้างจากนิยายของ Emily Giffin มีผู้นำมาแปลเป็นภาษาไทยด้วยชื่อว่า "ขอได้ไหม ผู้ชายของเธอ" ส่วนหนังชื่อภาษาไทยว่า "ผู้ชายคนนี้ฉันขอยืม" 

ส่วนตัวแล้วเราชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ อ่านแล้วสนุกมาก เคยอ่านแต่ฉบับภาษาอังกฤษนะ ไม่เคยอ่านภาษาไทย ไม่รู้ว่าแปลมาแล้วได้อรรถรสเหมือนกันรึป่าว... พอรู้ว่าเรื่องนี้จะมาทำเป็นหนัง ตามภาษาคนชอบหนัง Romantic chic flick อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่พลาดแน่นอน ประกอบกับอยากรู้ด้วยว่าหนังจะทำออกมาได้สนุกเหมือนนิยายรึป่าว...พอได้ดู Trailer แล้วก็อยากดูขึ้นไปอีก


 
คำโปรยใน Poster หนังประโยคนี้เลย "It's a thin line between love and friendship" ทำให้อยากดูเพิ่มขึ้นไปอีก
เรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงประโยคที่ว่า "เพื่อน" กะ "แฟน" ถ้าจำเป็นจะต้องเลือก จะเลือกใคร...ดูแล้วนึกถึงตัวเองในอดีต เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เอง เอาเข้าจริงมันเลือกยากมากๆ...แต่ตอนนั้นเราเลือกเพื่อนนะ

แต่ประเด็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่อยากเล่า...ส่วนที่ชอบมากๆของเรื่องนี้ คือ ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่า "การได้ทำงานที่ชอบและอยู่กับคนที่รัก" "My wants are simple: a job that I like and a guy whom I love."

เคยเป็นมั้ยเหตุการณ์แบบนี้?
  • จริงๆอยากเป็นครู แต่เลือกเป็นทนาย เพราะเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มากกว่า
  • ใจไม่ได้รักในสิ่งนี้ แต่พ่อแม่บอกให้ทำก็เลยต้องทำ
  • รู้อยู่แล้วว่าปลื่ม รักคนนี้ แต่ไม่กล้าบอก
  • รู้ว่าไม่ได้ชอบคนนี้ แต่ไม่กล้าเลิก
  • อยากยกเลิกงานแต่งงาน แต่ไม่กล้า เพราะไม่รู้จะบอกแขกยังไง 
  • อยากรู้ แต่ก็ไม่กล้าถาม 
  • รัก แต่ไม่กล้าบอกรัก
บ่อยครั้งที่คนเราปฏิเสธหัวใจตัวเอง ชอบทำอะไรให้ซับซ้อน และการตัดสินใจต่างๆมักจะถูกกำหนดโดยบริบทและความรู้สึกของบุคคลรอบข้างอยู่เสมอ...แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้นำไปสู่ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง

แต่จะทำอย่างที่ใจอยากทำไปซะทุกเรื่องก็ไม่ใช่ง่าย...เพราะบ่อยครั้งเราก็ไม่รู้ใจของตัวเอง ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วความต้องการที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร ขาดความกล้าในการตัดสินใจและ take action รวมถึง ไม่ตรงและรวดเร็วเพียงพอ เวลาก็เป็นความเสี่ยงในเรื่องนี้เช่นกัน...คิดไปคิดมาก็ยิ่งน่าแปลกใจ ว่าทำไมเราถึงปล่อยให้เป็นเช่นนั้น? (แต่เราก้อทำเช่นนี้ Y_Y)

ดูเรื่องนี้แล้วก็ได้ข้อคิด (ซึ่งจริงๆเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วหล่ะ แต่ดูแล้วมันทำให้เรากลับมาคิดมากขึ้น)...เรื่องบางเรื่อง อย่าปล่อยให้มันสายเกินไป เกินกว่าจะแก้ไข เมื่อยิ่งหักเห ห่างไกลจากเป้าหมาย/ความต้องการ โอกาสในการกลับมาก็จะใช้เวลาและมีค่าเสียโอกาสสูง... และในบางครั้งคนเราตัดสินใจได้เพียงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว โอกาสครั้งที่ 2, 3, 4, ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ


  "We all deserve to be happy" 
"If you feel the same way as me, tell me now, don't let it be too late"

แต่เป็นอีกเรื่องนึงนะ ที่หนังทำออกมาสู้นิยายไม่ได้...ถ้าใครชอบอ่านแนวนี้ แนะนำขอให้เก็บมาไว้ในครอบครอง ^^

*ขอไม่กล่าวถึงเนื้อเรื่องนะ เพราะไม่อยากเป็นการ spoil คนที่ยังไม่ได้ดูหรือว่าอ่าน แต่ที่เขียนเพราะอยากพูดถึงประเด็นที่ชอบของเรื่อง